
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันนั้นผลิตขึ้นมาได้อย่างไร? วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจกระบวนการผลิตอันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์นี้ ณ บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด ผู้บุกเบิกการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกของประเทศไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) กับบริษัทจากญี่ปุ่น มาดูกันว่าจากวัตถุดิบธรรมดาสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศนั้น มีขั้นตอนการผลิตอย่างไรบ้าง!
บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด (Thai Coated Steel Sheet Company Limited) เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2533 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทสหวิริยากับกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น โดยบริษัทใช้เทคโนโลยีระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของญี่ปุ่น JFE Steel ในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง โรงงานผลิตตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ข้อมูลสำคัญ
ทุนจดทะเบียน : 2,200 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น :
- ญี่ปุ่น 96.3% (JFE Steel 81.40%, Marubeni-Itochu Steel 14.9%)
- ไทย 3.7% (เครือสหวิริยา)
เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ : เมษายน พ.ศ. 2537
กำลังการผลิตสูงสุด : 180,000 ตันต่อปี
ผลิตภัณฑ์และการใช้งาน
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้าที่ผลิตโดยบริษัทมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานต่อการสึกกร่อนมากกว่าเหล็กแผ่นรีดเย็น ผลิตภัณฑ์นี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์, คอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า (เช่น เครื่องเล่นวีดีโอ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า), เฟอร์นิเจอร์, และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
เริ่มต้นการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ด้วยขั้นตอน Entry Section นี่คือจุดเริ่มต้นของกระบวนการ โดยในขั้นตอนนี้จะมีขบวนการผลิต 4 ขั้นตอนไปดูกันว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร
ขั้นตอน Pay off reel เป็นกระบวนการที่ใช้อุปกรณ์ในการคลี่ม้วนเหล็กรีดเย็น เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด ม้วนเหล็กรีดเย็นจะถูกยกและวางบนแกนหมุนของเครื่อง ที่มีระบบควบคุมความเร็วและแรงตึงจะทำงานเพื่อให้การคลี่ม้วนเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์นี้สามารถรองรับม้วนเหล็กที่มีน้ำหนักและขนาดแตกต่างกันได้ มีระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันการคลี่ม้วนที่เร็วเกินไปหรือการหลุดของม้วนเหล็ก
ในขั้นตอน Welder คือจะเป็นการใช้อุปกรณ์เชื่อมสำหรับเชื่อมต่อแผ่นเหล็กส่วนหัวและท้ายเพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดเวลาหยุดการผลิตที่เกิดจากการเปลี่ยนม้วนเหล็ก เครื่องเชื่อมไฟฟ้าหรือเครื่องเชื่อมแก๊ส ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของวัสดุและความหนาของแผ่นเหล็ก
กระบวนการนี้ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการเตรียมแผ่นเหล็กก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการขจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกที่ติดมากับแผ่นเหล็ก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในส่วนสุดท้าย เราจะตรวจสอบสภาพของแผ่นเหล็กว่ามีคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกมากน้อยเพียงใด ใช้สารเคมีที่เหมาะสมในการขจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกบนเหล็ก ในขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับกระบวนการผลิตต่อไป
ในส่วนนี้จะทำหน้าที่สำคัญในการสะสมแผ่นเหล็กเพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ส่วน Entry ต้องหยุดเพื่อเชื่อมแผ่นเหล็กม้วนใหม่ เป็นการเพื่อสะสมแผ่นเหล็กในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการผลิตต่อเนื่อง ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแผ่นเหล็กม้วนใหม่เข้ากับม้วนที่กำลังจะหมด โดยไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิตในส่วนอื่น หลังจากเชื่อมแผ่นเหล็กเสร็จ ส่วน Entry จะเริ่มป้อนแผ่นเหล็กเข้าสู่ระบบอีกครั้งด้วยความเร็วที่สูงกว่าปกติ เพื่อเติมแผ่นเหล็กที่ถูกใช้ไประหว่างการหยุด โดยในกระบวนการนี้จะควบคุมการทำงานด้วยระบบควบคุมแรงดึงและความเร็ว เพื่อรักษาความตึงของแผ่นเหล็กให้เหมาะสมด้วย
กระบวนการทำความสะอาดและเคลือบสังกะสีบนแผ่นเหล็กในส่วนนี้ เริ่มจากทำความสะอาดกำจัดคราบน้ำมันและออกไซด์ออกจากผิวเหล็กอย่างหมดจด ทำให้พื้นผิวเหล็กสะอาดและพร้อมสำหรับการเคลือบสังกะสี ซึ่งจะช่วยให้สังกะสียึดเกาะกับผิวเหล็กได้ดียิ่งขึ้น และเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญก็คือการเคลือบสังกะสีบนแผ่นเหล็ก มาดูรายละเอียดดังนี้
เริ่มด้วยการทำความสะอาดแผ่นเหล็กอย่างละเอียด เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ออกจากพื้นผิว โดยเฉพาะคราบน้ำมันและออกไซด์ที่เกาะติดอยู่ การทำความสะอาดนี้ใช้วิธีทางไฟฟ้า (Electrolytic cleaning) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวโลหะ กระบวนนี้ใช้ไฟฟ้านี้จะใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และกระแสไฟฟ้า โดยแผ่นเหล็กจะถูกจุ่มลงในสารละลายและทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่พื้นผิวของแผ่นเหล็ก ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา การทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเคลือบสังกะสีที่มีคุณภาพ เพราะหากพื้นผิวไม่สะอาดเพียงพอ อาจทำให้การยึดเกาะของชั้นเคลือบสังกะสีไม่ดีเท่าที่ควร
หลังจากทำความสะอาดแล้ว แผ่นเหล็กจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการเคลือบสังกะสีด้วยวิธีการเคลือบด้วยไฟฟ้า โดยใช้หลักการทางไฟฟ้าเคมีในการเคลือบชั้นสังกะสีลงบนพื้นผิวเหล็ก ในกระบวนการนี้ แผ่นเหล็กจะถูกจุ่มลงในสารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มีไอออนของสังกะสี และทำหน้าที่เป็นขั้วแคโทด (Cathode) ส่วนขั้วแอโนด (Anode) จะเป็นแท่งสังกะสีบริสุทธิ์ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่าน ไอออนสังกะสีจะเคลื่อนที่มาเกาะติดที่ผิวของแผ่นเหล็ก เกิดเป็นชั้นเคลือบสังกะสี ความหนาของชั้นเคลือบสังกะสีสามารถควบคุมได้โดยการปรับค่ากระแสไฟฟ้าและระยะเวลาในการเคลือบ
เมื่อผ่านขั้นตอนเคลือบสังกะสีแล้ว แผ่นเหล็กจะผ่านกระบวนการเคลือบฟอสเฟต (Phosphating) เพื่อเตรียมพื้นผิวสำหรับการเคลือบสีในขั้นตอนต่อไป การเคลือบฟอสเฟตช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างชั้นสังกะสีกับสีที่จะเคลือบทับ และยังช่วยป้องกันการเกิดการกัดกร่อนใต้ชั้นสีอีกด้วยในอดีตมีการใช้สารเคมี Chromating ในขั้นตอนนี้ แต่เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการยกเลิกการใช้ตั้งแต่ปี 2006 และหันมาใช้สารทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น V2 และ VN จะมีการเคลือบเรซินชนิดพิเศษเพิ่มเติม เรซินนี้จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับแผ่นเหล็ก เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน ความสวยงาม หรือคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า การเคลือบเรซินทำโดยการพ่นหรือจุ่มแผ่นเหล็กในสารเคลือบเรซิน จากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการอบแห้งและทำให้เย็นตัวลง
ในขั้นตอนนี้แผ่นเหล็กจะถูกนำเข้าเตาอบเพื่อทำให้ชั้นเคลือบเรซินแห้งสนิทและเกิดการยึดเกาะที่แข็งแรง อุณหภูมิและระยะเวลาในการอบจะถูกควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้คุณภาพของชั้นเคลือบที่ดีที่สุด การอบที่เหมาะสมจะทำให้เรซินเกิดการเชื่อมโยงทางเคมี (Cross-linking) ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของชั้นเคลือบ
เมื่ออบแห้งแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลดอุณหภูมิของแผ่นเหล็กหลังจากออกจากเตาอบ โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ การทำให้เย็นลงอย่างควบคุมนี้มีความสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดความเค้นในเนื้อโลหะและชั้นเคลือบ การทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมอัตราการเย็นตัวนี้ช่วยรักษาโครงสร้างทางกายภาพและเคมีของชั้นเคลือบให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม
การตรวจสอบคุณภาพและม้วนแผ่นเหล็กก่อนจัดส่ง เป็นส่วนสุดท้ายของกระบวนการผลิตแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี การตรวจสอบคุณภาพช่วยให้มั่นใจว่าแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่กำหนดไว้ เช่น ความหนาของการเคลือบสังกะสี การยึดเกาะ และความเรียบของพื้นผิว ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานตามที่ระบุ ไม่มีข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยขีดข่วน การเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ หรือการเกิดการกัดกร่อน ก่อนจะสินค้าจะถึงมือลูกค้า ในส่วนนี้ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก 3 ส่วน ได้แก่ Delivery looper, Inspection และ Tension reel
ในส่วนของ Delivery looper จะเป็นส่วนของเครื่องจักร Line การผลิตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ารรักษาความต่อเนื่องของกระบวนการผลิต โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างกระบวนการผลิตต่อเนื่องและการตรวจสอบคุณภาพที่ต้องหยุดชั่วคราว เพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ต้องหยุดกระบวนการชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพ ตัว Looper นี้ประกอบด้วยลูกกลิ้งหลายตัวที่ช่วยในการพักแผ่นเหล็ก เมื่อกระบวนการพร้อมดำเนินต่อ แผ่นเหล็กจะถูกส่งไปยังขั้นตอนถัดไป การมี Delivery looper ช่วยลดการหยุดชะงักของสายการผลิต
การตรวจสอบคุณภาพเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพของแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี ที่นี่จะมีการตรวจสอบลักษณะพื้นผิวของแผ่นเหล็กอย่างละเอียด ทั้งด้วยสายตาของผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือตรวจวัดอัตโนมัติ เพื่อหาข้อบกพร่องต่างๆ เช่น รอยขีดข่วน หรือความหนาของชั้นเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตัดชิ้นส่วนแผ่นเหล็กมาทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อวิเคราะห์คุณสมบัติเชิงกล เช่น ความแข็งแรง และการยึดเกาะของชั้นเคลือบ ผลการตรวจสอบเหล่านี้จะถูกบันทึกและใช้ในการควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิต
หลังจากผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว แผ่นเหล็กจะถูกส่งไปยัง Tension reel ซึ่งทำหน้าที่ม้วนแผ่นเหล็กเป็นม้วนขนาดใหญ่ตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้แรงตึงที่เหมาะสมเพื่อให้ผิวเรียบเนียนและม้วนได้แน่นหนา ระบบนี้จะควบคุมแรงตึงให้คงที่ตลอดการม้วน เพื่อลดการเสียดสีและป้องกันรอยขีดข่วน เมื่อม้วนเหล็กได้ขนาดตามต้องการแล้ว จะมีการตัดแยกและติดป้ายระบุข้อมูลสำคัญ ก่อนห่อหุ้มเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพแล้ว TCS ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และกระบวนการทำงานของบริษัท เรามุ่งมั่นรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของกระบวนการผลิตและการทดสอบผลิตภัณฑ์ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ของ TCS ไม่เพียงแต่มีคุณภาพสูง แต่ยังผลิตภายใต้มาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกอีกด้วย
ISO 9001:2008 (ธันวาคม 2015) - รับรองระบบบริหารคุณภาพ
ISO 14001:2004 (ธันวาคม 2014) - รับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
ISO 45001:2018 (ธันวาคม 2022) - รับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มอก. 2223-2558 (มีนาคม 2017) - มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย
มทล. 8001-2003 ระดับพื้นฐาน (ปี 2007 และ 2008) - แสดงถึงการดูแลสวัสดิภาพของพนักงาน
ISO/IEC-17025 (เมษายน 2014) - รับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ
ใบรับรองการผลิตในประเทศไทย (ตุลาคม 2023) - ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ผลิตในประเทศไทย
TCS นำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบหลากหลายขนาด พร้อมการเคลือบที่แตกต่างกันตามรหัสสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ วัตถุดิบ (เหล็กม้วนรีดเย็น) และคอยล์ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีประเภทเคลือบพิเศษอีก 2 ชนิด รวมทั้งมีตัวเลือกทั้งแบบเคลือบน้ำมันและไม่เคลือบน้ำมัน
เหล็กแผ่นวัตถุดิบ (เหล็กม้วนรีดเย็น)
- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านใน : 20 นิ้ว (508 มม) หรือ 24 นิ้ว (610 มม)
- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก : สูงสุด 76.0 นิ้ว (1,930 มม)
- น้ำหนัก : สูงสุด 22.7 ตัน
เหล็กแผ่นคอยล์ผลิตภัณฑ์
- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านใน : 20 นิ้ว (508 มม) หรือ 24 นิ้ว (610 มม)
- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก : สูงสุด 72.8 นิ้ว (1,850 มม)
- น้ำหนัก : สูงสุด 15.0 ตัน
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : VN
- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : เคลือบด้วยเรซินชนิดพิเศษ (พัฒนาใหม่) ปราศจากโครเมต
- คุณสมบัติ :
- ป้องกันรอยนิ้วมือ
- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและไม่ต้องการรอยนิ้วมือ
- อาจใช้ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์โลหะ
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : PV / PY
- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : เคลือบด้วยฟอสเฟต และปราศจากโครเมต
- คุณสมบัติ :
- เหมาะสำหรับงานพ่นสีและการใช้งานทั่วไป
- ชั้นฟอสเฟตช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสี
- เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์หรืองานก่อสร้างที่ต้องการพ่นสีเพิ่มเติม
เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : MM
- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : สังกะสีบริสุทธิ์
- คุณสมบัติ :
- เป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานเหมาะ
- สำหรับการใช้งานทั่วไป
- อาจใช้ในงานก่อสร้าง งานโครงสร้าง หรืออุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม
ก่อนการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เหล็ก ผู้จัดซื้อควรเตรียมข้อมูลสำคัญต่างๆ อย่างละเอียดและครบถ้วน เพื่อป้องกันความผิดพลาดและให้ได้รับสินค้าที่ตรงตามความต้องการ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของข้อมูลที่ผู้จัดซื้อควรเตรียมให้พร้อม
1. ระบุประเภทมาตรฐาน / ขนาด / ปริมาณ / วันที่จัดส่ง
ต้องระบุมาตรฐานที่ใช้ในการผลิตเหล็ก เช่น ASTM, มอก., หรือ ISO เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจะมีคุณสมบัติทางกลและทางเคมีตรงตามที่ต้องการ มาตรฐานเหล่านี้กำหนดองค์ประกอบทางเคมี ความแข็งแรง และคุณสมบัติอื่นๆ ของเหล็กแผ่น
ข้อมูลที่ต้องระบุ
- ความหนาของแผ่นเหล็ก
- ความกว้างแผ่นเหล็ก
- ความยาว
- จำนวนม้วน
- น้ำหนักรวมเป็นตันหรือกิโลกรัม
- วันที่ต้องการให้จัดส่ง
- หากจัดซื้อเพื่อส่งออกให้ระบุความต้องการใช้งานของลูกค้าว่าจะเป็นรับที่โรงงาน หรือ FOB
2. การเคลือบด้วยกระบวนการทางเคมี / น้ำหนักการเคลือบ
การระบุการเคลือบด้วยกระบวนการทางเคมีและน้ำหนักการเคลือบ จะช่วยเพิ่มความต้านทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้น สารเคมี หลายอุตสาหกรรมมีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการเคลือบผิว การระบุรายละเอียดช่วยให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
ระบุประเภทของการเคลือบที่ต้องการ
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส VN (เคลือบด้วยเรซินชนิดพิเศษ)
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส PV / PY (เคลือบด้วยฟอสเฟต)
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส MM (สังกะสีบริสุทธิ์)
น้ำหนักการเคลือบ
- ไมโครเมตร (μm) สำหรับความหนาของชั้นเคลือบ
- กรัมต่อตารางเมตร (g/m²) สำหรับน้ำหนักของชั้นเคลือบ
3. การใช้งาน หรือทำชิ้นส่วน
เพื่อให้การเลือกวัสดุเป็นไปอย่างเหมาะสม เราจึงต้องการให้ผู้จัดซื้อระบุวัตถุประสงค์การใช้งานหรือลักษณะชิ้นส่วนที่จะนำไปผลิต ข้อมูลเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อการเลือกประเภทสินค้า เพราะสินค้าแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติทางกลและทางเคมีที่แตกต่างกันารระบุการใช้งานช่วยให้ผู้ผลิตสามารถแนะนำเกรดเหล็กที่เหมาะสมที่สุด
การใช้งาน
- การใช้งานภายในหรือภายนอกอาคาร
- การสัมผัสกับสารเคมีหรือความชื้น
- การรับแรงกระแทกหรือแรงดึง
- อุณหภูมิการใช้งาน
- การสั่งซื้อเพื่อนำไปผลิตชิ้นส่วนใด
- ลักษณะการประกอบหรือเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนอื่น
- ความทนทานหรือคุณสมบัติพิเศษที่ต้องการ
4. ประเภทของกระบวนการ (กรณีขึ้นรูปชิ้นงาน กรุณาแสดงรูปทรงชิ้นงานโดยละเอียด)
การระบุข้อมูลประเภทของกระบวนการที่จะนำเหล็กแผ่นม้วนไปใช้ก่อนการสั่งซื้อ จะทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้นๆ เนื่องจากเราจะสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติต่อการทำไปใช้งาน
ประเภทของกระบวนการ
- การปั๊มขึ้นรูป
- การตัดและพับ
- การขึ้นรูปท่อ
- การตัดแบ่ง
- การตัดตรง
- นำไปทำสี
- การเจาะ
- การเชื่อม
5. น้ำหนักต่อหน่วย และบรรจุภัณฑ์
เพื่อให้หาวิธีการขนส่ง และจัดเก็บผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การระบบข้อมูลน้ำหนักต่อหน่วย และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการจะทำให้ทางผู้ผลิตได้ให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
- น้ำหนักต่อม้วนสูงสุดและต่ำสุดที่ยอมรับได้
- น้ำหนักต่อม้วนสูงสุดและต่ำสุดที่ยอมรับได้
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกสูงสุด
- วิธีการบรรจุหีบห่อพิเศษ
- การบรรจุในกล่องไม้หรือพาเลท
- การป้องกันความชื้นหรือการกัดกร่อน
6. ข้อกำหนดอื่นๆ (การปรับสภาพผิวหน้า, ลักษณะขอบ, ลักษณะแผ่นเหล็ก, การเคลือบน้ำมัน ฯลฯ)
นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐานที่ต้องระบุเมื่อสั่งซื้อเหล็กแผ่นม้วน ยังมีข้อกำหนดเฉพาะอื่นๆ ที่อาจต้องระบุเพิ่มเติม ไม่ว่าจะต้องการการเคลือบผิวพิเศษหรือไม่ เช่น เคลือบสี หรือเคลือบสารป้องกันการเกิดลายนิ้วมือ ต้องการขอบตัดตรง หรือขอบลบมุม ต้องการเคลือบน้ำมันป้องกันการกัดกร่อนหรือไม่
หากผู้จัดซื้อต้องการรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของวัสดุที่สั่งซื้อไป การจัดเก็บเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพราะเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแม้จะมีคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดกัดกร่อน แต่หากเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดสนิมและการเสื่อมสภาพของชั้นเคลือบสังกะสีได้ นอกจากนี้ การจัดเก็บที่ดียังช่วยป้องกันความเสียหายทางกายภาพเช่นรอยขีดข่วนหรือการบิดงอด้วย
1. การตรวจสอบเมื่อได้รับผลิตภัณฑ์
เมื่อได้รับผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบสภาพของหีบห่อและผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ใช้มือสัมผัสบริเวณผิวของหีบห่อเพื่อตรวจหาความชื้น หากรู้สึกเย็นหรือชื้น อาจมีความชื้นสะสมอยู่ภายใน สังเกตสีของหีบห่อหากมีจุดสีเข้มหรือคราบน้ำ อาจเป็นสัญญาณของความชื้นที่แทรกซึมเข้าไป
2. การป้องกันความชื้นระหว่างชิ้นงาน
ความชื้นจะทำให้แผ่นเหล็กม้วนเกิดปัญหาได้ ให้ใช้แผ่นคั่นระหว่างชิ้นงาน โดยวัสดุที่เหมาะสม เช่น กระดาษแข็งที่เคลือบสารกันความชื้น หรือแผ่นพลาสติกบาง จะช่วยป้องกันการสัมผัสโดยตรงระหว่างชิ้นงาน ชั้นวางควรมีช่องว่างเพียงพอสำหรับการไหลเวียนของอากาศระหว่างชิ้นงาน ใช้ระบบเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นงานใดถูกเก็บไว้นานเกินไป
3. การเลือกพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสม
พื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมควรมีสภาพที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทดีความชื้นสัมพัทธ์ไม่ควรสูงเกินไป หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วซึ่งอาจทำให้เกิดหยดน้ำ ก็บให้ห่างจากสารเคมีที่อาจทำปฏิกิริยากับสังกะสี และที่สำคัญต้องไม่โดนฝน อีกทั้งให้คำนึงถึงการรับน้ำหนักของพื้น ป้องกันการทรุดตัวของพื้นที่วาง
4. การจัดการกับหีบห่อที่เสียหาย
เมื่อพบหีบห่อที่ฉีกขาดหรือเสียหายควรแจ้งผู้ผลิตทันทีให้แก้ไข เพราะอาจจะส่งผลให้วัสดุเสียหายเมื่อจัดเก็บได้
บทสรุป
เมื่อได้เรียนรู้กระบวนการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ของ TCS แล้ว เราจะเห็นได้ว่าการผลิตเหล็กคุณภาพสูงนั้นต้องผ่านขั้นตอนอย่างหลากหลาย นอกจากขบวนการผลิตแล้ว การคัดสรรวัตถุดิบก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญก่อนที่จะนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิต ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ทำให้ผู้ที่จัดซื้อไปสามารถวางใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีมาตรฐานสูงสม่ำเสมอ ก็จบกันไปแล้วสำหรับบทความนี้ ไว้มาพบกันใหม่ในบทความต่อไป ติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับเหล็กแผ่นได้