ARTICLE
Article > พาไปดู! กระบวนการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ บ. TCS จากวัตถุดิบสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพ
Back to Article List

พาไปดู! กระบวนการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ บ. TCS จากวัตถุดิบสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพ

     เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันนั้นผลิตขึ้นมาได้อย่างไร? วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจกระบวนการผลิตอันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์นี้ ณ บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด ผู้บุกเบิกการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกของประเทศไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) กับบริษัทจากญี่ปุ่น มาดูกันว่าจากวัตถุดิบธรรมดาสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศนั้น มีขั้นตอนการผลิตอย่างไรบ้าง!

 

 

เกี่ยวกับบริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด   

 

      บริษัท เหล็กแผ่นเคลือบไทย จำกัด (Thai Coated Steel Sheet Company Limited) เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้ารายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2533 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทสหวิริยากับกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น โดยบริษัทใช้เทคโนโลยีระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของญี่ปุ่น JFE Steel ในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง โรงงานผลิตตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

ข้อมูลสำคัญ

 

ทุนจดทะเบียน : 2,200 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้น : 

  - ญี่ปุ่น 96.3% (JFE Steel 81.40%, Marubeni-Itochu Steel 14.9%)

  - ไทย 3.7% (เครือสหวิริยา)

เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ : เมษายน พ.ศ. 2537

กำลังการผลิตสูงสุด : 180,000 ตันต่อปี

 

ผลิตภัณฑ์และการใช้งาน

 

      เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยกรรมวิธีทางไฟฟ้าที่ผลิตโดยบริษัทมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานต่อการสึกกร่อนมากกว่าเหล็กแผ่นรีดเย็น ผลิตภัณฑ์นี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์, คอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า (เช่น เครื่องเล่นวีดีโอ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า), เฟอร์นิเจอร์, และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น



 

การนำแผ่นเหล็กรีดเย็นเข้าสู่กระบวนการผลิต  

 

      เริ่มต้นการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ด้วยขั้นตอน Entry Section นี่คือจุดเริ่มต้นของกระบวนการ โดยในขั้นตอนนี้จะมีขบวนการผลิต 4 ขั้นตอนไปดูกันว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร

 

1. Pay off reel  

 

       ขั้นตอน Pay off reel เป็นกระบวนการที่ใช้อุปกรณ์ในการคลี่ม้วนเหล็กรีดเย็น เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด ม้วนเหล็กรีดเย็นจะถูกยกและวางบนแกนหมุนของเครื่อง ที่มีระบบควบคุมความเร็วและแรงตึงจะทำงานเพื่อให้การคลี่ม้วนเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์นี้สามารถรองรับม้วนเหล็กที่มีน้ำหนักและขนาดแตกต่างกันได้ มีระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันการคลี่ม้วนที่เร็วเกินไปหรือการหลุดของม้วนเหล็ก

 

2. Welder  

 

       ในขั้นตอน Welder คือจะเป็นการใช้อุปกรณ์เชื่อมสำหรับเชื่อมต่อแผ่นเหล็กส่วนหัวและท้ายเพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดเวลาหยุดการผลิตที่เกิดจากการเปลี่ยนม้วนเหล็ก เครื่องเชื่อมไฟฟ้าหรือเครื่องเชื่อมแก๊ส ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของวัสดุและความหนาของแผ่นเหล็ก

 

3. Pre-Cleaning   

 

       กระบวนการนี้ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการเตรียมแผ่นเหล็กก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการขจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกที่ติดมากับแผ่นเหล็ก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในส่วนสุดท้าย เราจะตรวจสอบสภาพของแผ่นเหล็กว่ามีคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกมากน้อยเพียงใด ใช้สารเคมีที่เหมาะสมในการขจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกบนเหล็ก ในขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับกระบวนการผลิตต่อไป

 

4. Entry looper   

 

       ในส่วนนี้จะทำหน้าที่สำคัญในการสะสมแผ่นเหล็กเพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ส่วน Entry ต้องหยุดเพื่อเชื่อมแผ่นเหล็กม้วนใหม่ เป็นการเพื่อสะสมแผ่นเหล็กในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการผลิตต่อเนื่อง ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแผ่นเหล็กม้วนใหม่เข้ากับม้วนที่กำลังจะหมด โดยไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิตในส่วนอื่น หลังจากเชื่อมแผ่นเหล็กเสร็จ ส่วน Entry จะเริ่มป้อนแผ่นเหล็กเข้าสู่ระบบอีกครั้งด้วยความเร็วที่สูงกว่าปกติ เพื่อเติมแผ่นเหล็กที่ถูกใช้ไประหว่างการหยุด โดยในกระบวนการนี้จะควบคุมการทำงานด้วยระบบควบคุมแรงดึงและความเร็ว เพื่อรักษาความตึงของแผ่นเหล็กให้เหมาะสมด้วย



 

ทำความสะอาดและเคลือบสังกะสีบนแผ่นเหล็ก   

 

       กระบวนการทำความสะอาดและเคลือบสังกะสีบนแผ่นเหล็กในส่วนนี้ เริ่มจากทำความสะอาดกำจัดคราบน้ำมันและออกไซด์ออกจากผิวเหล็กอย่างหมดจด ทำให้พื้นผิวเหล็กสะอาดและพร้อมสำหรับการเคลือบสังกะสี ซึ่งจะช่วยให้สังกะสียึดเกาะกับผิวเหล็กได้ดียิ่งขึ้น และเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญก็คือการเคลือบสังกะสีบนแผ่นเหล็ก มาดูรายละเอียดดังนี้

 

5.  การทำความสะอาด (Cleaning)   

 

      เริ่มด้วยการทำความสะอาดแผ่นเหล็กอย่างละเอียด เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ออกจากพื้นผิว โดยเฉพาะคราบน้ำมันและออกไซด์ที่เกาะติดอยู่ การทำความสะอาดนี้ใช้วิธีทางไฟฟ้า (Electrolytic cleaning) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวโลหะ กระบวนนี้ใช้ไฟฟ้านี้จะใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และกระแสไฟฟ้า โดยแผ่นเหล็กจะถูกจุ่มลงในสารละลายและทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่พื้นผิวของแผ่นเหล็ก ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา การทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเคลือบสังกะสีที่มีคุณภาพ เพราะหากพื้นผิวไม่สะอาดเพียงพอ อาจทำให้การยึดเกาะของชั้นเคลือบสังกะสีไม่ดีเท่าที่ควร

 

6. การเคลือบสังกะสี (Plating cell)   

 

       หลังจากทำความสะอาดแล้ว แผ่นเหล็กจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการเคลือบสังกะสีด้วยวิธีการเคลือบด้วยไฟฟ้า โดยใช้หลักการทางไฟฟ้าเคมีในการเคลือบชั้นสังกะสีลงบนพื้นผิวเหล็ก ในกระบวนการนี้ แผ่นเหล็กจะถูกจุ่มลงในสารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มีไอออนของสังกะสี และทำหน้าที่เป็นขั้วแคโทด (Cathode) ส่วนขั้วแอโนด (Anode) จะเป็นแท่งสังกะสีบริสุทธิ์ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่าน ไอออนสังกะสีจะเคลื่อนที่มาเกาะติดที่ผิวของแผ่นเหล็ก เกิดเป็นชั้นเคลือบสังกะสี ความหนาของชั้นเคลือบสังกะสีสามารถควบคุมได้โดยการปรับค่ากระแสไฟฟ้าและระยะเวลาในการเคลือบ

 

7. การเคลือบสังกะสี (Chemical Treatment)   

 

       เมื่อผ่านขั้นตอนเคลือบสังกะสีแล้ว แผ่นเหล็กจะผ่านกระบวนการเคลือบฟอสเฟต (Phosphating) เพื่อเตรียมพื้นผิวสำหรับการเคลือบสีในขั้นตอนต่อไป การเคลือบฟอสเฟตช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างชั้นสังกะสีกับสีที่จะเคลือบทับ และยังช่วยป้องกันการเกิดการกัดกร่อนใต้ชั้นสีอีกด้วยในอดีตมีการใช้สารเคมี Chromating ในขั้นตอนนี้ แต่เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการยกเลิกการใช้ตั้งแต่ปี 2006 และหันมาใช้สารทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

8. การเคลือบเรซิน (Resin coating)   

 

       สำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น V2 และ VN จะมีการเคลือบเรซินชนิดพิเศษเพิ่มเติม เรซินนี้จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับแผ่นเหล็ก เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน ความสวยงาม หรือคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า การเคลือบเรซินทำโดยการพ่นหรือจุ่มแผ่นเหล็กในสารเคลือบเรซิน จากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการอบแห้งและทำให้เย็นตัวลง

 

9. การอบแห้ง (Oven)   

 

       ในขั้นตอนนี้แผ่นเหล็กจะถูกนำเข้าเตาอบเพื่อทำให้ชั้นเคลือบเรซินแห้งสนิทและเกิดการยึดเกาะที่แข็งแรง อุณหภูมิและระยะเวลาในการอบจะถูกควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้คุณภาพของชั้นเคลือบที่ดีที่สุด การอบที่เหมาะสมจะทำให้เรซินเกิดการเชื่อมโยงทางเคมี (Cross-linking) ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของชั้นเคลือบ

 

10. การทำให้เย็น (Cooling)  

 

       เมื่ออบแห้งแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลดอุณหภูมิของแผ่นเหล็กหลังจากออกจากเตาอบ โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ การทำให้เย็นลงอย่างควบคุมนี้มีความสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดความเค้นในเนื้อโลหะและชั้นเคลือบ การทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมอัตราการเย็นตัวนี้ช่วยรักษาโครงสร้างทางกายภาพและเคมีของชั้นเคลือบให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม



 

การตรวจสอบคุณภาพและม้วนแผ่นเหล็ก   

 

       การตรวจสอบคุณภาพและม้วนแผ่นเหล็กก่อนจัดส่ง เป็นส่วนสุดท้ายของกระบวนการผลิตแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี การตรวจสอบคุณภาพช่วยให้มั่นใจว่าแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่กำหนดไว้ เช่น ความหนาของการเคลือบสังกะสี การยึดเกาะ และความเรียบของพื้นผิว ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานตามที่ระบุ ไม่มีข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยขีดข่วน การเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ หรือการเกิดการกัดกร่อน ก่อนจะสินค้าจะถึงมือลูกค้า ในส่วนนี้ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก 3 ส่วน ได้แก่ Delivery looper, Inspection และ Tension reel 

 

11. Delivery Looper   

 

      ในส่วนของ Delivery looper จะเป็นส่วนของเครื่องจักร Line การผลิตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ารรักษาความต่อเนื่องของกระบวนการผลิต โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างกระบวนการผลิตต่อเนื่องและการตรวจสอบคุณภาพที่ต้องหยุดชั่วคราว เพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ต้องหยุดกระบวนการชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพ ตัว Looper นี้ประกอบด้วยลูกกลิ้งหลายตัวที่ช่วยในการพักแผ่นเหล็ก เมื่อกระบวนการพร้อมดำเนินต่อ แผ่นเหล็กจะถูกส่งไปยังขั้นตอนถัดไป การมี Delivery looper ช่วยลดการหยุดชะงักของสายการผลิต 

 

12. การตรวจสอบคุณภาพ (Inspection)   

 

      การตรวจสอบคุณภาพเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพของแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี ที่นี่จะมีการตรวจสอบลักษณะพื้นผิวของแผ่นเหล็กอย่างละเอียด ทั้งด้วยสายตาของผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือตรวจวัดอัตโนมัติ เพื่อหาข้อบกพร่องต่างๆ เช่น รอยขีดข่วน หรือความหนาของชั้นเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตัดชิ้นส่วนแผ่นเหล็กมาทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อวิเคราะห์คุณสมบัติเชิงกล เช่น ความแข็งแรง และการยึดเกาะของชั้นเคลือบ ผลการตรวจสอบเหล่านี้จะถูกบันทึกและใช้ในการควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิต

 

13. Tension Reel   

 

      หลังจากผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว แผ่นเหล็กจะถูกส่งไปยัง Tension reel ซึ่งทำหน้าที่ม้วนแผ่นเหล็กเป็นม้วนขนาดใหญ่ตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้แรงตึงที่เหมาะสมเพื่อให้ผิวเรียบเนียนและม้วนได้แน่นหนา ระบบนี้จะควบคุมแรงตึงให้คงที่ตลอดการม้วน เพื่อลดการเสียดสีและป้องกันรอยขีดข่วน เมื่อม้วนเหล็กได้ขนาดตามต้องการแล้ว จะมีการตัดแยกและติดป้ายระบุข้อมูลสำคัญ ก่อนห่อหุ้มเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง   



 

มาตรฐานและการรับรองคุณภาพของเรา   

 

       นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพแล้ว TCS ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และกระบวนการทำงานของบริษัท เรามุ่งมั่นรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของกระบวนการผลิตและการทดสอบผลิตภัณฑ์ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ของ TCS ไม่เพียงแต่มีคุณภาพสูง แต่ยังผลิตภายใต้มาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกอีกด้วย

 

มาตรฐานที่เราได้รับ   

 

ISO 9001:2008 (ธันวาคม 2015) - รับรองระบบบริหารคุณภาพ

ISO 14001:2004 (ธันวาคม 2014) - รับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

ISO 45001:2018 (ธันวาคม 2022) - รับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

มอก. 2223-2558 (มีนาคม 2017) - มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย

มทล. 8001-2003 ระดับพื้นฐาน (ปี 2007 และ 2008) - แสดงถึงการดูแลสวัสดิภาพของพนักงาน

ISO/IEC-17025 (เมษายน 2014) - รับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ

ใบรับรองการผลิตในประเทศไทย (ตุลาคม 2023) - ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ผลิตในประเทศไทย



 

เหล็กแผ่นเคลือบที่ผลิตออกมามีแบบใดบ้าง   

 

       TCS นำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบหลากหลายขนาด พร้อมการเคลือบที่แตกต่างกันตามรหัสสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ วัตถุดิบ (เหล็กม้วนรีดเย็น) และคอยล์ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีประเภทเคลือบพิเศษอีก 2 ชนิด รวมทั้งมีตัวเลือกทั้งแบบเคลือบน้ำมันและไม่เคลือบน้ำมัน

 

ขนาดที่มีจำหน่าย   

 

เหล็กแผ่นวัตถุดิบ (เหล็กม้วนรีดเย็น)

- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านใน : 20 นิ้ว (508 มม) หรือ 24 นิ้ว (610 มม)

- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก : สูงสุด 76.0 นิ้ว (1,930 มม)

- น้ำหนัก : สูงสุด 22.7 ตัน

 

เหล็กแผ่นคอยล์ผลิตภัณฑ์

- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านใน : 20 นิ้ว (508 มม) หรือ 24 นิ้ว (610 มม)

- เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก : สูงสุด 72.8 นิ้ว (1,850 มม)

- น้ำหนัก : สูงสุด 15.0 ตัน

 

รหัสสินค้าเหล็กแผ่นเคลือบพิเศษ  

 

เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : VN

- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : เคลือบด้วยเรซินชนิดพิเศษ (พัฒนาใหม่) ปราศจากโครเมต 

- คุณสมบัติ :

- ป้องกันรอยนิ้วมือ

- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและไม่ต้องการรอยนิ้วมือ

- อาจใช้ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์โลหะ

 

เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : PV / PY

- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : เคลือบด้วยฟอสเฟต และปราศจากโครเมต

- คุณสมบัติ :

- เหมาะสำหรับงานพ่นสีและการใช้งานทั่วไป

- ชั้นฟอสเฟตช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสี

- เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์หรืองานก่อสร้างที่ต้องการพ่นสีเพิ่มเติม

 

เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส : MM

- โครงสร้างของชั้นเคลือบ : สังกะสีบริสุทธิ์

- คุณสมบัติ :

- เป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานเหมาะ

- สำหรับการใช้งานทั่วไป

- อาจใช้ในงานก่อสร้าง งานโครงสร้าง หรืออุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม



 

ก่อนที่จะสั่งเหล็กแผ่นต้องระบุข้อมูลอะไรบ้าง?   

 

      ก่อนการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เหล็ก ผู้จัดซื้อควรเตรียมข้อมูลสำคัญต่างๆ อย่างละเอียดและครบถ้วน เพื่อป้องกันความผิดพลาดและให้ได้รับสินค้าที่ตรงตามความต้องการ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของข้อมูลที่ผู้จัดซื้อควรเตรียมให้พร้อม

 

1. ระบุประเภทมาตรฐาน / ขนาด / ปริมาณ / วันที่จัดส่ง

      ต้องระบุมาตรฐานที่ใช้ในการผลิตเหล็ก เช่น ASTM, มอก., หรือ ISO เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจะมีคุณสมบัติทางกลและทางเคมีตรงตามที่ต้องการ มาตรฐานเหล่านี้กำหนดองค์ประกอบทางเคมี ความแข็งแรง และคุณสมบัติอื่นๆ ของเหล็กแผ่น


ข้อมูลที่ต้องระบุ

- ความหนาของแผ่นเหล็ก

- ความกว้างแผ่นเหล็ก

- ความยาว

- จำนวนม้วน

- น้ำหนักรวมเป็นตันหรือกิโลกรัม

- วันที่ต้องการให้จัดส่ง

- หากจัดซื้อเพื่อส่งออกให้ระบุความต้องการใช้งานของลูกค้าว่าจะเป็นรับที่โรงงาน หรือ FOB

 

2. การเคลือบด้วยกระบวนการทางเคมี / น้ำหนักการเคลือบ

      การระบุการเคลือบด้วยกระบวนการทางเคมีและน้ำหนักการเคลือบ จะช่วยเพิ่มความต้านทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้น สารเคมี หลายอุตสาหกรรมมีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการเคลือบผิว การระบุรายละเอียดช่วยให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

 

ระบุประเภทของการเคลือบที่ต้องการ 

- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส VN (เคลือบด้วยเรซินชนิดพิเศษ)

- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส PV / PY (เคลือบด้วยฟอสเฟต)

- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีรหัส MM (สังกะสีบริสุทธิ์)

 

น้ำหนักการเคลือบ

- ไมโครเมตร (μm) สำหรับความหนาของชั้นเคลือบ

- กรัมต่อตารางเมตร (g/m²) สำหรับน้ำหนักของชั้นเคลือบ

 

3. การใช้งาน หรือทำชิ้นส่วน

      เพื่อให้การเลือกวัสดุเป็นไปอย่างเหมาะสม เราจึงต้องการให้ผู้จัดซื้อระบุวัตถุประสงค์การใช้งานหรือลักษณะชิ้นส่วนที่จะนำไปผลิต ข้อมูลเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อการเลือกประเภทสินค้า เพราะสินค้าแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติทางกลและทางเคมีที่แตกต่างกันารระบุการใช้งานช่วยให้ผู้ผลิตสามารถแนะนำเกรดเหล็กที่เหมาะสมที่สุด

 

การใช้งาน

- การใช้งานภายในหรือภายนอกอาคาร

- การสัมผัสกับสารเคมีหรือความชื้น

- การรับแรงกระแทกหรือแรงดึง

- อุณหภูมิการใช้งาน

- การสั่งซื้อเพื่อนำไปผลิตชิ้นส่วนใด

- ลักษณะการประกอบหรือเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนอื่น

- ความทนทานหรือคุณสมบัติพิเศษที่ต้องการ

 

4. ประเภทของกระบวนการ (กรณีขึ้นรูปชิ้นงาน กรุณาแสดงรูปทรงชิ้นงานโดยละเอียด)

      การระบุข้อมูลประเภทของกระบวนการที่จะนำเหล็กแผ่นม้วนไปใช้ก่อนการสั่งซื้อ จะทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้นๆ  เนื่องจากเราจะสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติต่อการทำไปใช้งาน

 

ประเภทของกระบวนการ
- การปั๊มขึ้นรูป

- การตัดและพับ

- การขึ้นรูปท่อ

- การตัดแบ่ง

- การตัดตรง

- นำไปทำสี

- การเจาะ

- การเชื่อม

 

5. น้ำหนักต่อหน่วย และบรรจุภัณฑ์

      เพื่อให้หาวิธีการขนส่ง และจัดเก็บผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การระบบข้อมูลน้ำหนักต่อหน่วย และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการจะทำให้ทางผู้ผลิตได้ให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา

 

- น้ำหนักต่อม้วนสูงสุดและต่ำสุดที่ยอมรับได้
- น้ำหนักต่อม้วนสูงสุดและต่ำสุดที่ยอมรับได้

- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกสูงสุด

- วิธีการบรรจุหีบห่อพิเศษ

- การบรรจุในกล่องไม้หรือพาเลท

- การป้องกันความชื้นหรือการกัดกร่อน

 

6. ข้อกำหนดอื่นๆ (การปรับสภาพผิวหน้า, ลักษณะขอบ, ลักษณะแผ่นเหล็ก, การเคลือบน้ำมัน ฯลฯ)

      นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐานที่ต้องระบุเมื่อสั่งซื้อเหล็กแผ่นม้วน ยังมีข้อกำหนดเฉพาะอื่นๆ ที่อาจต้องระบุเพิ่มเติม ไม่ว่าจะต้องการการเคลือบผิวพิเศษหรือไม่ เช่น เคลือบสี หรือเคลือบสารป้องกันการเกิดลายนิ้วมือ ต้องการขอบตัดตรง หรือขอบลบมุม ต้องการเคลือบน้ำมันป้องกันการกัดกร่อนหรือไม่



 

แนะนำการจัดเก็บเหล็กแผ่นม้วนอย่างเหมาะสม   

 

      หากผู้จัดซื้อต้องการรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของวัสดุที่สั่งซื้อไป การจัดเก็บเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพราะเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแม้จะมีคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดกัดกร่อน แต่หากเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดสนิมและการเสื่อมสภาพของชั้นเคลือบสังกะสีได้ นอกจากนี้ การจัดเก็บที่ดียังช่วยป้องกันความเสียหายทางกายภาพเช่นรอยขีดข่วนหรือการบิดงอด้วย

 

1. การตรวจสอบเมื่อได้รับผลิตภัณฑ์

 

      เมื่อได้รับผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบสภาพของหีบห่อและผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ใช้มือสัมผัสบริเวณผิวของหีบห่อเพื่อตรวจหาความชื้น หากรู้สึกเย็นหรือชื้น อาจมีความชื้นสะสมอยู่ภายใน สังเกตสีของหีบห่อหากมีจุดสีเข้มหรือคราบน้ำ อาจเป็นสัญญาณของความชื้นที่แทรกซึมเข้าไป

 

2. การป้องกันความชื้นระหว่างชิ้นงาน

 

       ความชื้นจะทำให้แผ่นเหล็กม้วนเกิดปัญหาได้ ให้ใช้แผ่นคั่นระหว่างชิ้นงาน โดยวัสดุที่เหมาะสม เช่น กระดาษแข็งที่เคลือบสารกันความชื้น หรือแผ่นพลาสติกบาง จะช่วยป้องกันการสัมผัสโดยตรงระหว่างชิ้นงาน ชั้นวางควรมีช่องว่างเพียงพอสำหรับการไหลเวียนของอากาศระหว่างชิ้นงาน ใช้ระบบเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นงานใดถูกเก็บไว้นานเกินไป

 

3. การเลือกพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสม

 

      พื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมควรมีสภาพที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทดีความชื้นสัมพัทธ์ไม่ควรสูงเกินไป หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วซึ่งอาจทำให้เกิดหยดน้ำ ก็บให้ห่างจากสารเคมีที่อาจทำปฏิกิริยากับสังกะสี และที่สำคัญต้องไม่โดนฝน อีกทั้งให้คำนึงถึงการรับน้ำหนักของพื้น ป้องกันการทรุดตัวของพื้นที่วาง

 

4. การจัดการกับหีบห่อที่เสียหาย

 

      เมื่อพบหีบห่อที่ฉีกขาดหรือเสียหายควรแจ้งผู้ผลิตทันทีให้แก้ไข เพราะอาจจะส่งผลให้วัสดุเสียหายเมื่อจัดเก็บได้



 

บทสรุป

 

       เมื่อได้เรียนรู้กระบวนการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ของ TCS แล้ว เราจะเห็นได้ว่าการผลิตเหล็กคุณภาพสูงนั้นต้องผ่านขั้นตอนอย่างหลากหลาย นอกจากขบวนการผลิตแล้ว การคัดสรรวัตถุดิบก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญก่อนที่จะนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิต ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ทำให้ผู้ที่จัดซื้อไปสามารถวางใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีมาตรฐานสูงสม่ำเสมอ ก็จบกันไปแล้วสำหรับบทความนี้ ไว้มาพบกันใหม่ในบทความต่อไป ติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับเหล็กแผ่นได้