ARTICLE
Article > ถอดรหัสสัญลักษณ์และตัวย่อต่างๆบนเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าเคลือบสังกะสี ที่ควรรู้ก่อนสั่งซื้อจาก บ. TCS
Back to Article List

ถอดรหัสสัญลักษณ์และตัวย่อต่างๆบนเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าเคลือบสังกะสี ที่ควรรู้ก่อนสั่งซื้อจาก บ. TCS

 

      เหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าเคลือบสังกะสีเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติทนทานต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าให้เหมาะกับงานเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้จัดซื้อต้องพิจารณาก่อนสั่งซื้อ เนื่องจากสินค้าเหล็กแผ่นมีหลากหลายแบบพร้อมตัวย่อมากมาย แล้วตัวเลขและสัญลักษณ์บนเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่คุณเห็นนั้นหมายถึงอะไรบ้าง? บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสัญลักษณ์และตัวย่อสำคัญที่ปรากฏบนเหล็กแผ่นของ TCS เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการในการใช้งาน

 

เกรดผลิตภัณฑ์ 

 

      ก่อนที่จะไปดูเกรดผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นในรหัสต่างๆ ต้องมารู้จัก ความแตกต่างระหว่างเกรดโลหะพื้นฐานและเกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดย เกรดโลหะพื้นฐาน (Base Metal Grade) เป็นเกรดที่ใช้ระบุคุณสมบัติของเหล็กแผ่นรีดเย็นในด้านความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับงานทั่วไป งานดึงขึ้นรูป และงานดึงขึ้นรูปลึก และเกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design Grade) เป็นเกรดที่เน้นการออกแบบและการผลิตที่ช่วยลดการเกิดริ้วครากและรอยยับ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและความละเอียด

 

เกรดผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็น  

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPCC

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SECC

  • เหล็กแผ่นรีดเย็นเกรด SPCC และ SECC ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษ แต่ยังคงเป็นงาน ต้องการความแข็งแรงและความทนทานในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการการดึงขึ้นรูปหรือการปรับเปลี่ยนรูปทรงมากนัก
 

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPCD

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SECD

  • เกรด SPCD และ SECD เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการดึงขึ้นรูป โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยให้สามารถดึงขึ้นรูปได้ง่ายโดยไม่เกิดการแตกหักหรือเสียรูปทรง เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
 

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPCE

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SECE

  • เหล็กแผ่นรีดเย็นเกรด SPCE และ SECE ออกแบบมาเพื่อการดึงขึ้นรูปลึก ซึ่งต้องการความยืดหยุ่นและความเหนียวสูง สามารถทนต่อการดึงขึ้นรูปโดยไม่เกิดริ้วรอยหรือรอยยับ เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและต้องการความละเอียดสูง
 

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPCF

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SECF

  • เกรด SPCF และ SECF มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยป้องกันการเกิดริ้วครากและรอยยับในระหว่างการดึงขึ้นรูปลึก เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบและไม่มีข้อบกพร่อง เช่น ชิ้นส่วนที่ต้องการความสวยงามหรือมีการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูง
 

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPCG

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SECG

  • สำหรับตัวเกรด SPCG และ SECG ถูกออกแบบมาเพื่อการดึงขึ้นรูปลึกพิเศษ โดยมีการประกันการไม่เกิดริ้วครากและรอยยับในระดับสูงสุด เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำสูงสุด เช่น ชิ้นส่วนที่มีการออกแบบซับซ้อนหรือมีความต้องการเฉพาะทาง
 

เหล็กแผ่นรีดเย็นความแข็งแรงสูง 

 

รหัสเกรดโลหะพื้นฐาน : SPFC-440 / SEFC-440

เกรดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : SPFC-590 / SEFC-590

  • เหล็กแผ่นรีดเย็นเกรด SPFC-440 และ SPFC-590 รวมถึง SEFC-440 และ SEFC-590 เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานและความแข็งแรงสูง เช่น การผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องรับแรงมาก หรือในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง


 

 

ความหนาและความคลาดเคลื่อน 

      ความหนาและความคลาดเคลื่อนของผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร ความหนาของผลิตภัณฑ์ออกเป็น 9 ช่วง ตั้งแต่ต่ำกว่า 0.25 มม. ไปจนถึง 2.00 ถึง 2.30 มม. การแบ่งช่วงเช่นนี้ช่วยให้สามารถกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละช่วงความหนาได้ โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาน้อยจะมีค่าความคลาดเคลื่อนที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความหนามากกว่า



 

มวลของการเคลือบสังกะสี 

      การเคลือบสังกะสีเป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ โดยเฉพาะเหล็กและเหล็กกล้า สังกะสีทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันที่สามารถป้องกันการเกิดสนิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ มวลของการเคลือบสังกะสีที่ด้านหนึ่งของวัสดุจะถูกระบุด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ES, EB, E8, E16, และ E24 ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์แสดงถึงความหนาของการเคลือบในหน่วยกรัมต่อตารางเมตร (g/m²) และไมโครเมตร (µm)

 

สัญลักษณ์และความหมาย 

 

1. ES : ไม่ได้ระบุค่ามวลการเคลือบ

2. EB:  มวลการเคลือบขั้นต่ำ 2.5 g/m² โดยมีมาตรฐานอ้างอิงที่ 3 g/m² หรือ 0.4 µm

3. E8 : มวลการเคลือบขั้นต่ำ 8.5 g/m² โดยมีมาตรฐานอ้างอิงที่ 10 g/m² หรือ 1.4 µm

4. E16 : มวลการเคลือบขั้นต่ำ 17.0 g/m² โดยมีมาตรฐานอ้างอิงที่ 20 g/m² หรือ 2.8 µm

5. E24 : มวลการเคลือบขั้นต่ำ 25.5 g/m² โดยมีมาตรฐานอ้างอิงที่ 30 g/m² หรือ 4.2 µm

 

ประโยชน์ของการเคลือบสังกะสี  

  • การเคลือบสังกะสีช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของโลหะ
  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของวัสดุที่เคลือบ
  • ลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนวัสดุที่ถูกกัดกร่อน
  • เพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
 

กรรมวิธีทางเคมี 

      การเลือกใช้กรรมวิธีทางเคมีในการเคลือบพื้นผิวของผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับความต้องการของการใช้งานและคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน การยึดเกาะของสี หรือการป้องกันลายนิ้วมือ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตและการใช้งานผลิตภัณฑ์

 

การเคลือบด้วยเรซิ่นชนิดพิเศษ (V / VN)  

 

     การเคลือบด้วยเรซิ่นชนิดพิเศษและปราศจากโครเมตเป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนและป้องกันลายนิ้วมือบนพื้นผิวของผลิตภัณฑ์ โดยเรซิ่นชนิดพิเศษนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีคุณสมบัติเด่นในด้านการป้องกันการเกิดสนิมและการเสื่อมสภาพจากปัจจัยภายนอก เช่น ความชื้นและสารเคมี

 

คุณสมบัติของเรซิ่นชนิดพิเศษ

  • เรซิ่นชนิดพิเศษมีความสามารถในการป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนจากสารเคมีและสภาพอากาศที่รุนแรง
  • พื้นผิวที่เคลือบด้วยเรซิ่นชนิดนี้จะมีคุณสมบัติในการลดการเกิดรอยนิ้วมือ ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูสะอาดและใหม่อยู่เสมอ
  • บางชนิดของเรซิ่นสามารถนำไฟฟ้าได้ ซึ่งมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมที่ต้องการคุณสมบัตินี้
 

การเคลือบด้วยฟอสเฟต (P / PV / PY) 

 

      การเคลือบด้วยฟอสเฟตเป็นกระบวนการที่ใช้ในการเตรียมพื้นผิวก่อนการทาสี โดยการเคลือบนี้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสีและป้องกันการเกิดสนิม

 

ประโยชน์ของการเคลือบฟอสเฟต

  • ชั้นฟอสเฟตช่วยให้สีที่ทาลงไปยึดเกาะได้ดีขึ้น
  • ฟอสเฟตช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของโลหะดีขึ้นในระดับหนึ่ง
 

ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี (MM) 

 

      ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีมักจะใช้ในงานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษจากการเคลือบ เช่น การป้องกันการกัดกร่อนหรือการยึดเกาะของสี มักใช้ในงานที่ไม่ต้องการความทนทานสูง เช่น งานตกแต่งภายในหรือชิ้นส่วนที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการเคลือบเคมี ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า



การเคลือบน้ำมัน 

      การเคลือบน้ำมันบนเหล็กแผ่น มีหน้าที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์เมื่อต้องจัดเก็บในคลังสินค้า การเคลือบน้ำมันช่วยสร้างชั้นป้องกันบนพื้นผิวของโลหะ ทำให้ลดการสัมผัสกับความชื้นและสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน

 

สัญลักษณ์ X : ไม่มีการเคลือบน้ำมัน  

 

      หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการเคลือบน้ำมัน เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมจัดเก็บที่ไม่รุนแรง หรือในกรณีที่การเคลือบน้ำมันอาจไม่จำเป็นเพราะต้องการนำเหล็กแผ่นไปเข้าสู่ขบวนการผลิตทันที 

 

สัญลักษณ์ N : มีการเคลือบน้ำมัน 

 

       เหล็กแผ่นเคลือบที่ได้รับการเคลือบน้ำมันเพื่อป้องกันการกัดกร่อน เหมาะสำหรับสภาพการจัดเก็บในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือมีละอองสารเคมี อีกทั้งการที่ต้องจัดเก็บที่ยาวนานก็แนะนำให้สั่งซื้อแบบมีการเคลือบน้ำมัน



 

บทสรุป

       เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าเคลือบสังกะสีจากบริษัท TCS การเข้าใจสัญลักษณ์และตัวย่อต่างๆ ที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ จะทำให้คุณมีความเข้าใจก่อนสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มากยิ่ง สามารถเลือกเหล็กแผ่นเคลือบที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของโครงการ การทำความเข้าใจข้อมูลจำเพาะของเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้เหล็กแผ่นเคลือบได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและการใช้งานของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพ ความทนทาน และอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่เราจะนำเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าไปใช้ ข้อมูลจำเพาะของเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีจาก TCS จะบอกถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความหนาของเหล็กแผ่น ความหนาของชั้นเคลือบสังกะสี เกรดของเหล็ก และมาตรฐานการผลิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราประเมินได้ว่าเหล็กแผ่นเคลือบดังกล่าวมีความเหมาะสมกับการใช้งาน ทางเราหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อเหล็กแผ่นซิงค์ฟ้าเคลือบสังกะสีจากบริษัท TCS หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือการใช้งาน สามารถติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราได้เสมอ