ARTICLE
Article > 10 ข้อควรระวังการใช้เหล็กแผ่น Galvanized Steel เพื่อความปลอดภัยในโรงงาน
Back to Article List

10 ข้อควรระวังการใช้เหล็กแผ่น Galvanized Steel เพื่อความปลอดภัยในโรงงาน

      เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) เป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรม การผลิต เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิม อย่างไรก็ตาม การใช้งานเหล็กก็มีความเสี่ยงและอันตรายที่ต้องระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงาน และลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ จึงเป็นที่มาของเนื้อหาในบทความนี้จะนำเสนอ 10 ข้อควรระวังสำคัญในการใช้งานเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ในโรงงานพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย!

 

1. ยกและเคลื่อนย้ายเหล็กแผ่นอย่างถูกวิธี   

 

      การยกและเคลื่อนย้ายเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยในโรงงาน เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดจากเหล็กม้วนสามารถส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้ ก่อนการเคลื่อนย้าย ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่จัดเก็บและเส้นทางขนย้ายมีความสะอาด แห้ง และปราศจากสิ่งกีดขวาง การใช้รถยกหรือเครนที่มีกำลังยกเพียงพอสำหรับน้ำหนักของแผ่นเหล็กเป็นสิ่งจำเป็น และควรติดตั้งแผ่นยางรองบนรถยกหรือขอเกี่ยวเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับแผ่นเหล็ก นอกจากนี้ ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่สัมพัทธ์ระหว่างแผ่นเหล็กซึ่งอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ



 

2. ผู้ที่ทำงานกับเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ควรใส่อุปกรณ์ป้องกัน   

 

      การทำงานกับเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ในโรงงานจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ผู้ปฏิบัติงานควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสมอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงถุงมือป้องกันการบาดเจ็บจากขอบคมของแผ่นเหล็ก รองเท้านิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายจากการตกหล่นของวัสดุหนัก และหมวกนิรภัยเพื่อปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานผิดประเภท การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุในโรงงานได้



 

3. ระมัดระวังขอบคมของแผ่นเหล็กเสมอ  

 

      การใช้เหล็กแผ่น Galvanized Steel ในโรงงานต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งแรก แม้อัตรายเล็กๆ ก็จะถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุในโรงงาน อย่างเช่นการโดนขอบคมของแผ่นเหล็กบาด ผู้ทำงานต้องระมัดระวังขอบคมของแผ่นเหล็กที่มักมีในหลายมุม ผู้ปฏิบัติงานควรสวมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม ได้แก่ ถุงมือ ชุดรัดกุม และรองเท้านิรภัย หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าหลวมที่อาจเกี่ยวติดกับขอบคมได้ ในระหว่างการทำงาน ต้องมีความตื่นตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเดินในคลังเก็บเหล็กหรือเคลื่อนย้ายแผ่นเหล็กที่เป็นม้วน การทำงานควรดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง ไม่รีบร้อนจนเกินไป และจัดพื้นที่ทำงานให้เป็นระเบียบ มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย



 

4. สวมหน้ากากป้องกันเพื่อป้องกันการสูดดมไอสังกะสี และฟู ในโรงเชื่อม 

      สำหรับในโรงเชื่อม ผู้ทำงานจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกัน ควรทำเป็นเป็นมาตรการสำคัญในโรงงาน เพราะการใช้เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์อย่างปลอดภัยในโรงงานในพื้นที่เชื่อม จะมีไอสังกะสีและฟูมที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเชื่อมสามารถเป็นอันตรายต่อระบบหายใจหากสูดดมเข้าไป การสวมหน้ากากที่เหมาะสม เช่น หน้ากากกรองอากาศแบบครึ่งหน้าหรือเต็มหน้าที่มีตัวกรองสำหรับไอโลหะ จะช่วยป้องกันผู้ปฏิบัติงานจากการสัมผัสกับสารพิษเหล่านี้ นอกจากนี้ ควรจัดให้มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมในพื้นที่ทำงานเพื่อลดความเข้มข้นของไอและฟูมในอากาศ

 

ผลกระทบของการสูดดมไอสังกะสี และฟู

 

      ในเบื้องต้นทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร อาเจียน และระบบย่อยอาหารแย่ลง หากสัมผัสนานๆ จะเกิดอาการระคายเคืองตา จมูก และระบบทางเดินหายใจ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม และปอดอักเสบ จทำให้เกิดโรคปอดอักเสบจากการสูดดมฝุ่นโลหะ (Pneumoconiosis) เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) จัดประเภทฟูมจากการเชื่อมเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์



 

5. พื้นที่จัดเก็บเหล็กกัลวาไนซ์ต้องแห้งและอากาศถ่ายเทได้ดี   

 

      เราไม่ควรเก็บเหล็กกัลวาไนซ์ไว้กลางแจ้ง เนื่องจากการสัมผัสกับสภาพอากาศโดยตรง เช่น แสงแดด ฝน หรือความชื้นสูง อาจส่งผลเสียต่อคุณสมบัติของเหล็กและลดอายุการใช้งาน การจัดเก็บเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพของวัสดุ พื้นที่จัดเก็บควรมีลักษณะแห้งและมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันการเกิดความชื้นสะสมซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสนิมหรือการเสื่อมสภาพของชั้นเคลือบสังกะสี การถ่ายเทอากาศที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการควบแน่นของไอน้ำบนผิวเหล็ก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสนิมขาว การมีสภาพแวดล้อมที่แห้งยังช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างความชื้นกับชั้นเคลือบสังกะสี ทำให้เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์คงคุณสมบัติการต้านทานการกัดกร่อนได้ยาวนานขึ้น 



 

6. หลีกเลี่ยงนำเหล็กแผ่นไปสัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง 

 

      การใช้เหล็กแผ่นเคลือบในโรงงานต้องระมัดระวังไม่ให้สัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง เนื่องจากอาจทำลายชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่บนผิวเหล็ก ส่งผลให้เหล็กสูญเสียคุณสมบัติในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อน สารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น กรดแก่ ด่างเข้มข้น หรือสารละลายที่มีค่า pH สูงหรือต่ำมาก การสัมผัสกับสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของเหล็กแผ่น ลดอายุการใช้งาน ดังนั้น การจัดเก็บและการใช้งานเหล็กแผ่น Galvanized Steel จึงควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและห่างจากสารเคมีอันตรายต่อวัสดุ


7. หากต้องตัดหรือเจาะเหล็กกัลวาไนซ์ ต้องทำการปิดผิวเหล็ก   

 

      เมื่อต้องตัดหรือเจาะเหล็กกัลวาไนซ์ในโรงงาน สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือการปิดผิวเหล็กบริเวณที่ถูกตัดหรือเจาะ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวจะเผยให้เห็นเนื้อเหล็กด้านในที่ไม่ได้รับการเคลือบสังกะสี ทำให้บริเวณนั้นเสี่ยงต่อการเกิดสนิมได้ง่ายและลดประสิทธิภาพการป้องกันสนิมโดยรวม การปิดผิวเหล็กในส่วนที่ถูกตัดหรือเจาะจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยรักษาคุณสมบัติการป้องกันสนิมของเหล็กกัลวาไนซ์ ส่งผลให้วัสดุมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่นิยมคือการพ่นสีกันสนิมบริเวณที่ถูกตัดหรือเจาะ ซึ่งจะช่วยปกป้องเนื้อเหล็กและรักษาประสิทธิภาพการใช้งานของเหล็กกัลวาไนซ์ได้ในระดับหนึ่ง


 

8. ห้ามใช้เหล็กกัลวาไนซ์สัมผัสกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า  

 

      การใช้เหล็กกัลวาไนซ์ในโรงงานต้องระมัดระวังไม่ให้สัมผัสกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า เนื่องจากจะเร่งการกัดกร่อนของชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่ เหล็กกัลวาไนซ์มีชั้นสังกะสีซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่าเคลือบอยู่ด้านนอก เมื่อสัมผัสกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า เช่น ทองแดง จะเกิดการกัดกร่อนแบบกัลวานิก ทำให้ชั้นสังกะสีถูกกัดกร่อนเร็วกว่าปกติ เมื่อชั้นสังกะสีถูกกัดกร่อนจนหมด เหล็กด้านในก็จะเริ่มถูกกัดกร่อนต่อ ส่งผลให้อายุการใช้งานของเหล็กกัลวาไนซ์สั้นลงและโครงสร้างอาจเสียหายได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เหล็กกัลวาไนซ์สัมผัสกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าเพื่อยืดอายุการใช้งานของแผ่นเหล็ก



 

9. หลีกเลี่ยงการทำงานในพื้นที่แคบหรือท่าทางที่ไม่เหมาะสม   

 

      จากที่เรารู้ดีว่าการทำงานกับเหล็กแผ่น Galvanized Steel ในหลายๆมุมของวัสดุจะมีด้านคม เพื่อลดอุบัติเหตุ การทำในพื้นที่แคบหรือท่าทางที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ พนักงานควรหลีกเลี่ยงการทำงานในพื้นที่แคบเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวกหรือการสัมผัสกับขอบคมของแผ่นเหล็ก นอกจากนี้ การทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การก้มหรือเอี้ยวตัวมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อและกระดูกในระยะยาวได้ ดังนั้น ทางโรงงานควรจัดเตรียมพื้นที่ทำงานที่เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอ และมีอุปกรณ์ช่วยยกที่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน



 

10. ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจถึงอันตรายและวิธีการทำงานที่ปลอดภัยเสมอ  

 

      สุดท้ายนี้การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้เหล็กแผ่นเคลือบ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในโรงงาน พนักงานควรได้รับความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของเหล็กชุบสังกะสี อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธี เช่น การสูดดมไอระเหยของสังกะสีที่เกิดจากการเชื่อมหรือตัดเหล็ก ซึ่งอาจก่อให้เกิดไข้ควันโลหะ (metal fume fever) ได้ นอกจากนี้ ยังต้องเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่ปลอดภัย เช่น การทำงานในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีอันตราย การจัดฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พนักงานตระหนักถึงอันตรายและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น



 

บทสรุป

 

      สำหรับองค์กรที่เป็นโรงงานผลิต มักจะมีเป้าหมายในการจัดการอุบัติเหตุในโรงงาน อุบัติเหตุจากการทำงานให้ลดเหลือน้อยที่สุด ซึ่งหลายๆ องค์กรต้องการที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรสู่ Zero Accident ดังนั้นเราหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าการทำให้สถานที่ทำงานให้ปลอดภัยไม่ใช่เพียงหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในองค์กร