ARTICLE
Article > ข้อแนะนำล้างทำความสะอาดเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์อย่างไรไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียหาย
Back to Article List

ข้อแนะนำล้างทำความสะอาดเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์อย่างไรไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียหาย

       การทำความสะอาดวัสดุ ก่อนที่จะนำวัสดุตั้งต้นมาผลิต ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญในขั้นตอนการผลิต เพราะอาจเนื่องจากวัสดุตั้งต้นมีความสกปรก มีน้ำมัน ไม่เศษฝุ่น ถ้าหากเป็นเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีก็อาจจะมีสนิมขาว ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยก่อนที่เราจะนำวัสดุนั้นมาผลิตสินค้าของเรา เราอาจจะจำเป็นต้องทำความสะอาดวัสดุนั้นให้พร้อม เข้าสู่กระบวนการ หรือในบางโรงงานผลิต ก็เลือกที่จะทำความสะอาดหลังเสร็จจากกระบวนการผลิตแล้วสำหรับในงานบางประเภท ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหน ก็ต้องทำความสะอาดอยู่ดี ดังนั้นบทความนี้เราจึงจะมาเขียนแนะนำให้ทุกคนได้ทำไปประยุกต์ใช้กัน

 

 

สาเหตุของความสกปรกบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์  

 

       ในสภาพแวดล้อมของโรงงาน มักประสบปัญหาความสกปรกที่เกิดขึ้นจากหลากหลายปัจจัย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของความสกปรกเหล่านี้จะช่วยให้สามารถวางแผนการทำความสะอาดและบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ความสกปรกบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์อาจเกิดจากกระบวนการผลิต สภาพแวดล้อมในโรงงาน หรือแม้แต่การสัมผัสของมนุษย์ เรามาดูกันว่าสาเหตุของความสกปรกบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์จะมีอะไรบ้าง

 

ฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิต

 
  • ฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความสกปรกบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ ในโรงงานอุตสาหกรรม กระบวนการผลิตต่างๆ เช่น การตัด การเจาะ หรือการขัด มักก่อให้เกิดฝุ่นละอองจำนวนมาก ฝุ่นเหล่านี้สามารถลอยในอากาศและเกาะติดบนพื้นผิวของเหล็กแผ่นได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพื้นผิวมีประจุไฟฟ้าสถิต การสะสมของฝุ่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เหล็กแผ่นดูสกปรกเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อคุณสมบัติการยึดเกาะของสีหรือสารเคลือบอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ในขั้นตอนต่อไป
 

คราบน้ำมันหรือจาระบีจากเครื่องจักร

 
  • คราบน้ำมันหรือจาระบีจากเครื่องจักรเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ เครื่องจักรในโรงงานมักใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือจาระบีเพื่อลดแรงเสียดทานและป้องกันการสึกหรอ อย่างไรก็ตาม สารหล่อลื่นเหล่านี้อาจกระเด็นหรือรั่วไหลตามท่อต่างๆ ทำให้เกิดคราบบนพื้นผิวของเหล็กแผ่น คราบน้ำมันและจาระบีไม่เพียงแต่ทำให้เหล็กแผ่นดูสกปรกเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อกระบวนการเคลือบผิวหรือการพ่นสีในภายหลังเช่นกัน และคราบน้ำมันยังอาจดึงดูดฝุ่นและสิ่งสกปรกอื่นๆ ให้เกาะติดบนพื้นผิวได้ง่ายขึ้น 
 

รอยนิ้วมือของพนักงาน

 
  • รอยนิ้วมือของพนักงานเป็นปัญหาที่มักถูกมองข้าม ซึ่งเกิดจากพนักงานต้องสัมผัสกับเหล็กแผ่นโดยตรง โดยส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์อย่างมาก ในกระบวนการผลิตและการจัดการวัสดุ นิ้วมือมนุษย์มีน้ำมันธรรมชาติและเหงื่อซึ่งประกอบด้วยเกลือแร่และสารอินทรีย์ต่างๆ เมื่อสัมผัสกับพื้นผิวเหล็ก สารเหล่านี้อาจทำปฏิกิริยากับชั้นเคลือบซิงค์ ทำให้เกิดรอยด่างหรือการกัดกร่อนเล็กน้อย 

คราบสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต

 
  • การใช้สารเคมีหลากหลายชนิดในกระบวนการผลิตเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความสกปรกบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ เช่น น้ำยาทำความสะอาด สารละลายกรด-ด่าง หรือสารเคลือบผิว สารเคมีเหล่านี้อาจหกหรือกระเด็นระหว่างการใช้งาน ทำให้เกิดคราบบนพื้นผิวของเหล็กแผ่น คราบสารเคมีบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับชั้นเคลือบซิงค์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีหรือการกัดกร่อน นอกจากนี้ สารเคมีที่ตกค้างอาจส่งผลต่อกระบวนการเคลือบผิวหรือการใช้งานของผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนต่อไป 
 

เศษโลหะจากการตัดหรือขึ้นรูป

 
  • เศษโลหะจากการตัดหรือขึ้นรูปเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกระบวนการผลิตเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ การตัด เจาะ หรือขึ้นรูปเหล็กแผ่นมักก่อให้เกิดเศษโลหะขนาดเล็ก เศษเหล่านี้อาจกระเด็นและเกาะติดบนพื้นผิวของเหล็กแผ่นชิ้นอื่นๆ นอกจากจะทำให้ดูไม่สวยงามแล้ว เศษโลหะที่เกาะติดยังอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวเมื่อมีการเคลื่อนย้ายหรือจัดเก็บ ในบางกรณี เศษโลหะอาจทำปฏิกิริยากับความชื้นในอากาศ ทำให้เกิดจุดสนิมเล็กๆ บนพื้นผิวเหล็กแผ่น 
 

คราบสนิมขาว (White Rust) จากการสัมผัสความชื้น

 
  • คราบสนิมขาวทำให้เกิดสารประกอบซิงค์ไฮดรอกไซด์และซิงค์คาร์บอเนตที่มีลักษณะเป็นคราบสีขาวบนพื้นผิว แม้ว่าสนิมขาวจะไม่ทำลายโครงสร้างของเหล็กเหมือนสนิมแดง แต่ก็ส่งผลเสียต่อความสวยงามและคุณสมบัติการป้องกันสนิมของชั้นเคลือบซิงค์ 


 

การทำความสะอาดเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์สำคัญอย่างไร   

  • เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การทำความสะอาดช่วยกำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และสารปนเปื้อนต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของเหล็กแผ่น
  • เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการสะสมของความชื้นหรือสารเคมี
  • เพื่อยืดอายุการใช้งานของเหล็กแผ่น การทำความสะอาดสม่ำเสมอช่วยรักษาสภาพผิวและป้องกันความเสียหายในระยะยาว
  • เพื่อความปลอดภัยในกระบวนการผลิต การทำความสะอาดช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์
  • เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในโรงงานผลิตอาหาร
  • เพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต


 

วิธีทำความสะอาดฝุ่นละอองทั่วไป    

 

       วิธีพื้นฐานที่ง่ายที่สุดคือการใช้น้ำสะอาดล้างทำความสะอาดฉีก ซึ่งสามารถขจัดฝุ่นละอองทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายผิวเคลือบ หากมีคราบสกปรกติดแน่น อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกลางผสมน้ำฉีดเพื่อช่วยขจัดคราบได้ดียิ่งขึ้น

 

ในการทำความสะอาด หากคราบยังไม่ออกสามารถใช้ฟองน้ำนุ่มถูเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการขูดขีดผิวเคลือบ หลังจากใช้น้ำยาทำความสะอาด ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด เพื่อป้องกันสารตกค้างที่อาจทำลายผิวเคลือบ จากนั้นควรเป่าหรืออบด้วยลมอุ่นให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำหรือสนิม ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้น้ำขังบนผิวเหล็กเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดสนิมได้



 

วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมันหรือจาระบีจากเครื่องจักร    

 

       วิธีที่มีประสิทธิภาพคือการใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม โดยเฉพาะตัวทำละลายประเภทไม่มีน้ำเป็นส่วนผสม ซึ่งสามารถขจัดคราบสกปรกได้โดยไม่ทำลายผิวเคลือบ การใช้สารละลายด่างร้อนก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบน้ำมันและจาระบี. สารละลายด่างมีคุณสมบัติในการขจัดสิ่งปนเปื้อนที่เป็นสารอินทรีย์ออกจากผิวโลหะได้ดี ทำให้พื้นผิวสะอาดโดยไม่ทำลายชั้นเคลือบสังกะสี หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดหลังจากใช้สารทำความสะอาดใดๆ เพื่อขจัดสารตกค้างที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของผิวเคลือบในอนาคต และเปา อบให้แห้ง



 

วิธีทำความสะอาดจากคราบรอยนิ้วมือ    [H2]

 

       เริ่มจากการใช้สารทำความสะอาดที่เป็นกลางเพื่อขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกโดยไม่ทำลายชั้นสังกะสี ฉีดล้างพื้นผิวด้วยน้ำผสมสารทำความสะอาดโดยใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันต่ำ สำหรับคราบที่ติดแน่น ใช้แปรงขนนุ่มขัดเบาๆ หลีกเลี่ยงวัสดุขัดที่แข็งเกินไปเพื่อป้องกันการขูดขีดชั้นสังกะสี

 

หลังจากนั้น ล้างสารทำความสะอาดออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการตกค้างของสารเคมี ใช้ลมอัดเป่าให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำและสนิมขาว ตรวจสอบพื้นผิวอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าสะอาดและปราศจากความเสียหาย นอกจากนี้ การฝึกอบรมพนักงานให้ตระหนักถึงการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ จะช่วยลดปัญหาคราบรอยนิ้วมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



 

วิธีทำความสะอาดจากสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต    [H2]

 

       ในกระบวนการผลิต มักเกิดคราบสารเคมีต่างๆ ที่ต้องกำจัดออก เช่น สังกะสีส่วนเกินที่ติดอยู่บนผิวชิ้นงานหลังการเคลือบ หรือออกไซด์ของสังกะสีที่เกิดจากปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ นอกจากนี้ยังมีคราบสารลดแรงเสียดทานและสารป้องกันสนิมที่ใช้ในขั้นตอนการผลิต ซึ่งจำเป็นต้องทำความสะอาดก่อนที่จะนำเหล็กไปใช้งานต่อในด้านอื่นๆ เมื่อสิ้นสุดขบวนการ

 

1. การทําความสะอาดสังกะสีส่วนเกินและออกไซด์ของสังกะสี

 
  • การใช้สารละลายกรดอะซิติกความเข้มข้นต่ํา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกําจัดสังกะสีส่วนเกินและออกไซด์ของสังกะสีที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวชิ้นงาน สามารถทําได้โดยการพ่นหรือจุ่มชิ้นงานลงในสารละลายเป็นเวลา 1-2 นาที ซึ่งกรดอะซิติกจะทําปฏิกิริยากับออกไซด์และสังกะสีส่วนเกิน ทําให้ละลายออกจากพื้นผิว หลังจากนั้นต้องล้างชิ้นงานด้วยน้ําสะอาดทันทีเพื่อหยุดปฏิกิริยาและป้องกันการกัดกร่อนเพิ่มเติม แล้วเป่าให้แห้งด้วยลมสะอาดหรือไนโตรเจน เพื่อป้องกันการเกิดออกไซด์ซ้ํา วิธีนี้ช่วยให้พื้นผิวสะอาดและพร้อมสําหรับกระบวนการต่อไป เช่น การทาสีหรือการเคลือบผิว
 

2. การทําความสะอาดคราบสารลดแรงเสียดทาน

 
  • ตัวทําละลายอินทรีย์ เช่น อะซีโตนหรือเมทิลเอทิลคีโตน (MEK) เป็นตัวเลือกที่ดีในการกําจัดคราบสารลดแรงเสียดทานที่ตกค้างบนพื้นผิวชิ้นงาน วิธีการทําความสะอาดทําได้โดยการพ่นหรือเช็ดตัวทําละลายลงบนพื้นผิวโดยตรง ซึ่งจะละลายและขจัดสารลดแรงเสียดทานออกไป ควรทําในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีและใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม เนื่องจากตัวทําละลายเหล่านี้มีความระเหยสูงและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลังจากเช็ดหรือพ่นแล้ว ควรเป่าพื้นผิวให้แห้งทันทีด้วยลมสะอาดหรือไนโตรเจนเพื่อป้องกันการตกค้างของตัวทําละลายและการเกิดคราบ
 

3. การทําความสะอาดสารป้องกันสนิม

 
  • การใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้นต่ํา ผสมกับสารลดแรงตึงผิวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขจัดสารป้องกันสนิมที่เคลือบอยู่บนพื้นผิวชิ้นงาน สามารถทําได้โดยการพ่นหรือจุ่มชิ้นงานในสารละลายเป็นเวลา 5-10 นาที ซึ่งด่างจะทําปฏิกิริยากับสารป้องกันสนิม ทําให้หลุดออกจากพื้นผิว ในขณะที่สารลดแรงตึงผิวช่วยให้สารละลายเข้าถึงพื้นผิวได้ดีขึ้น อีกวิธีหนึ่งคือการใช้เครื่องฉีดไอน้ําอุณหภูมิสูง (ประมาณ 100-150°C) พ่นบนพื้นผิว ซึ่งความร้อนและแรงดันจะช่วยละลายและขจัดสารป้องกันสนิมได้ หลังจากทําความสะอาดแล้ว ต้องล้างด้วยน้ําสะอาดและเป่าให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันการเกิดสนิมบนพื้นผิวที่สะอาด


 

วิธีทำความสะอาดคราบสนิมขาว (White Rust)

 
  • คราบสนิมขาว (White Rust) คือชั้นของสังกะสีออกไซด์ (ZnO) หรือสังกะสีไฮดรอกไซด์ (Zn(OH)2) ที่เกิดขึ้นบนผิวของเหล็กเคลือบสังกะสีมีลักษณะเป็นฝ้าสีขาวหรือสีเทา เป็นปื้นหรือเป็นแถบ มีรูพรุนและไม่เหนียวแน่น สนิมขาวมักเกิดขึ้นเมื่อนำชิ้นงานที่ชุบสังกะสีแล้วไปวางไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง อากาศไหลเวียนไม่สะดวก เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างสังกะสีกับน้ำหรือความชื้น โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังการเคลือบที่ยังไม่เกิดฟิล์มป้องกันที่เสถียร
 

ผลกระทบจากการเกิดคราบสนิมขาว 

 
  • ลักษณะภายนอกของชิ้นงานจะด้อยลง เนื่องจากคราบสีขาวหรือเทาที่เกิดขึ้นทำให้พื้นผิวดูไม่สวยงาม 
  • แม้ว่าคราบสนิมขาวจะไม่ส่งผลรุนแรงต่อประสิทธิภาพการป้องกันการกัดกร่อนโดยตรง แต่การเกิดสนิมขาวอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ชั้นสังกะสีบางลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจลดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ได้ 
  • การเกิดสนิมขาวยังบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในการจัดเก็บหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจนำไปสู่ปัญหาการกัดกร่อนที่รุนแรงขึ้นได้ 
 

กรณีเกิดเล็กน้อย

 
  • เมื่อพบคราบสนิมขาวในปริมาณเล็กน้อยบนเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์ สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง เริ่มจากการใช้แปรงขนแข็งขัดบริเวณที่เกิดสนิมขาวออกให้หมด การขัดควรทำอย่างระมัดระวังและใช้แรงพอประมาณ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่ หลังจากขัดแล้ว ควรทำความสะอาดพื้นผิวด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งสนิทด้วยผ้าสะอาด การทำให้พื้นผิวแห้งสนิทเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะความชื้นที่ตกค้างอาจทำให้เกิดสนิมขาวซ้ำได้ หลังจากทำความสะอาดและทำให้แห้งแล้ว ควรเก็บชิ้นงานในที่แห้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการเกิดสนิมขาวซ้ำ 
 

กรณีเกิดมาก

 
  • ในกรณีที่คราบสนิมขาวเกิดขึ้นในปริมาณมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการที่เข้มข้นขึ้นในการกำจัด โดยเริ่มจากการเตรียมสารละลาย 5% ของโซเดียมหรือโปตัสเซียมไดโครเมต และเพิ่มกรดซัลฟูริกที่มีความเข้มข้น 0.1% โดยปริมาตรลงในสารละลาย จากนั้นใช้แปรงขนแข็งจุ่มสารละลายนี้ขัดบริเวณที่เกิดสนิมขาว ขัดแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที เพื่อให้สารละลายทำปฏิกิริยากับคราบสนิมขาว หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดและทำให้แห้งสนิท วิธีนี้นอกจากจะช่วยกำจัดสนิมขาวแล้ว ยังช่วยสร้างชั้นป้องกันใหม่บนพื้นผิวสังกะสี ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมขาวในอนาคต อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีในการทำความสะอาดต้องทำด้วยความระมัดระวัง ควรสวมอุปกรณ์ป้องกัน

กรณีรุนแรง

 
  • เมื่อสนิมขาวเกิดขึ้นรุนแรงหรือมีสนิมแดงร่วมด้วย การแก้ไขจะซับซ้อนและใช้เวลามากขึ้น เริ่มจากการขัดสนิมขาวและสนิมแดงออกให้หมดด้วยแปรงลวดหรือเครื่องมือที่เหมาะสม ระหว่างขัดต้องระวังไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชั้นสังกะสีที่ยังดีอยู่ หลังจากขัดแล้ว ควรตรวจสอบความหนาของชั้นสังกะสีที่เหลืออยู่ด้วยเครื่องวัดความหนาฟิล์ม หากพบว่าชั้นสังกะสีบางเกินไป อาจต้องซ่อมแซมผิวด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การพ่นสังกะสีร้อน (Zinc Thermal Spraying) ลงบนพื้นผิวเพื่อสร้างชั้นป้องกันใหม่ หรือการทาสีที่มีส่วนผสมของสังกะสีสูง (Zinc Rich Paint) เพื่อให้การป้องกันที่ใกล้เคียงกับการชุบสังกะสี การซ่อมแซมในกรณีรุนแรงนี้อาจต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าชิ้นงานจะได้รับการป้องกันการกัดกร่อนอย่างมีประสิทธิภาพ


 

บทสรุป : สุดท้ายนี้เราจะฝากข้อควรระวังในการทำความสะอาด

 
  • หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุขัดถู เช่น ฝอยเหล็กหรือที่ขูดโลหะที่อาจทำให้ชั้นเคลือบสังกะสีเสียหาย
  • ห้ามใช้กรดเข้มข้น ด่างเข้มข้น หรือตัวทำละลายที่อาจกัดกร่อนพื้นผิวชุบสังกะสี
  • ตรวจสอบพื้นผิวเป็นประจำเพื่อหารอยขีดข่วนหรือความเสียหาย และซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันสนิม
  • เก็บเหล็กชุบสังกะสีในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทดีเพื่อป้องกันคราบจากการเก็บในที่ชื้น