บทความ
บทความ > ข้อควรรู้ก่อนนำเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีไปตัดและเชื่อม
กลับไปหน้ารายการบทความ

ข้อควรรู้ก่อนนำเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีไปตัดและเชื่อม

       คุณอาจจะคิดว่าเหล็กทุกชนิด เทคนิคการตัด และเชื่อมต้องเหมือนๆกันทั้งหมด แต่จริงๆ มันมีความแตกต่างในรายละเอียด ซึ่งการตัดและเชื่อมเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีอย่างไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียให้ชิ้นเหล็กนั้นเสียหายได้ ในเนื้อหาบทความนี้เราจึงจะมาอธิบาย บอกเทคนิคที่คุณสามารถเอาไปใช้ได้จริง ยกระดับทักษะการทำงานของคุณให้ดียิ่งขึ้น มาเริ่ม!

 

การตัดเหล็กเคลือบสังกะสี 

 

การเตรียมการก่อนการตัดเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • การเตรียมการก่อนการตัดเหล็กเคลือบสังกะสีเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มต้นด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่จำเป็น เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน นอกจากนี้ ควรเตรียมอุปกรณ์วัดให้พร้อม และทำเครื่องหมายบริเวณที่ต้องการตัดอย่างแม่นยำไว้ล่วงหน้า การเตรียมการอย่างรอบคอบจะช่วยให้การตัดเหล็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
 

เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการตัดเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการตัดเหล็กเคลือบสังกะสีขึ้นอยู่กับความหนาของชิ้นงาน สำหรับงานบางที่มีความหนาต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดโลหะหรือเลื่อยฉลุ ซึ่งจะให้ความแม่นยำสูงและง่ายต่อการควบคุม ส่วนงานที่มีความหนา 3-6 มิลลิเมตร เลื่อยวงเดือนหรือเครื่องตัดพลาสมาจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ในกรณีที่ต้องตัดเหล็กที่มีความหนามากกว่า 6 มิลลิเมตร ควรใช้เครื่องตัดพลาสมาหรือเลเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการตัดเหล็กหนา
 

เทคนิคการตัดเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • การตัดเหล็กเคลือบสังกะสีอย่างมีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย โดยเฉพาะการควบคุมความเร็วในการตัดให้เหมาะสม ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาขอบงานไหม้หรือรอยตัดหยาบ เราสามารใช้น้ำหล่อเย็นหรือลมเป่าบริเวณรอยตัดช่วยลดความร้อนสะสมได้ สำหรับงานหนาควรหยุดพักเป็นระยะ อย่าลืมยึดชิ้นงานให้แน่นหนาและตัดจากด้านนอกเข้าหาด้านในจะช่วยลดแรงดึงที่ขอบชิ้นงาน นอกจากนี้ การใช้แผ่นรองด้านล่างยังช่วยกระจายความร้อนได้เช่นกัน
 

การเลือกใช้ก๊าซเสริมในการตัด

 
  • หากคุณต้องการจะก๊าซเสริมในการตัด เช่นไนโตรเจน ก็ให้เลือกที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99.5% เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันและการเปลี่ยนสีที่ขอบตัด ปรับแรงดันก๊าซให้เหมาะสม แม้เพียง 10-20 บาร์ ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ ใช้หัวฉีดแบบ JETCUT ช่วยส่งก๊าซเสริมไปยังจุดตัดได้โดยตรงและลดอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ออกซิเจนเนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากับชั้นสังกะสี 
 

ข้อควรระวังเมื่อตัดเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • อย่างแรกเมื่อเราตัดเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่บางเกินไป (ต่ำกว่า 3 มม.) เหล็กแผ่นอาจเสียรูปทรงหลังการตัด ทำให้ชิ้นงานไม่ได้มาตรฐาน อันนี้ให้เราระวังมากๆ ในการตัด ถัดมาคือควรดำเนินการตัดในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากกระบวนการตัดอาจก่อให้เกิดฟูมโลหะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะนำให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากกันฝุ่นและแว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
 

การดูแลรักษาและการป้องกันชั้นเคลือบสังกะสีหลังการตัด

 
  • หลังจากการตัดเหล็กแผ่นแล้ว แนะนำให้เราใช้ตะไบละเอียดขัดแต่งขอบรอยตัดให้เรียบ เพื่อกำจัดครีบหรือรอยไหม้ที่อาจเกิดขึ้น จากนั้นควรทาสีกันสนิมบริเวณรอยตัดทันทีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม เนื่องจากการตัดอาจทำให้ชั้นเคลือบสังกะสีเปิด ณ บริเวณรอยตัดได้ ให้ทาสีป้องกันสนิมในบริเวณหน้าตัด และตรวจสอบความเรียบของรอยตัดอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีตำหนิใดๆ 


 

การเชื่อมเหล็กเคลือบสังกะสี   

 

การเตรียมพื้นผิวก่อนเชื่อม

 
  • ก่อนจะนำเหล็กเคลือบสังกะสีไปเชื่อม สิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเลยก็คือ การเตรียมพื้นผิวบริเวณที่จะเชื่อมให้พร้อม โดยเริ่มจากการขัดชั้นสังกะสีออกประมาณ 1-2 นิ้วรอบๆบริเวณที่จะเชื่อม ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องเจียรหรือกระดาษทรายเบอร์ 15 ช่วยขัดก็ได้ ​​เพื่อป้องกันการเกิดรูพรุนและควันพิษจากนั้นอย่าลืมทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากคราบสกปรกและคราบมัน จาระบีด้วย เพื่อให้การเชื่อมเกิดการยึดเกาะที่แน่นหนา และลดปัญหาการเกิดฟองอากาศหรือสแลกในแนวเชื่อม ก่อนเชื่อมให้เตรียมร่องเชื่อมให้มีขนาดเหมาะสม โดยทั่วไปควรมีช่องว่าง 1.5-2.5 มม
 

การเลือกอุปกรณ์เชื่อมที่เหมาะสม

 
  • อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือการเลือกใช้อุปกรณ์เชื่อมที่เหมาะสม โดยเฉพาะการเลือกลวดเชื่อมที่ใช้ เราแนะนำให้ใช้ลวดเชื่อมเฉพาะสำหรับเหล็กชุบสังกะสี เช่น J421, J422 หรือ J423 เป็นต้น เพื่อให้ได้คุณภาพแนวเชื่อมที่ดี นอกจากนี้ ควรเลือกใช้เครื่องเชื่อมที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐาน ใช้กระแสไฟต่ำและความเร็วในการเชื่อมต่ำกว่าปกติ เพื่อลดความร้อนสะสม
 

เทคนิคการเชื่อมเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • หนึ่งเทคนิคที่เราแนะนำคือการใช้เทคนิคการเชื่อมแบบสั้น เพื่อควบคุมบ่อหลอมละลายได้ดี หลีกเลี่ยงการเชื่อมหลายชั้นหรือการแกว่งหัวเชื่อม และอย่าลืมควบคุมพารามิเตอร์การเชื่อมอย่างกระแสไฟและแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับชิ้นงานด้วย
 

ข้อควรระวังในการเชื่อมเหล็กเคลือบสังกะสี

 
  • ใช้วิธีการเชื่อมที่เหมาะสม เช่น การเชื่อมอาร์กโลหะแก๊สคลุม (GMAW) หรือการเชื่อมทิก (GTAW) ควบคุมความร้อนในการเชื่อมไม่ให้สูงเกินไป เพราะอาจทำให้ชั้นสังกะสีหลุดล่อนได้ ในขั้นตอนการเชื่อมให้เราระวังการเกิดฟองอากาศ รูพรุน และการเชื่อมที่ผิดพลาด ซึ่งอาจทำให้รอยเชื่อมเปราะและมีความแข็งแรงลดลงได้ และระหว่างเชื่อมจะมีไอระเหยของสังกะสี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากใช้คนเชื่อม ควรให้ทำงานเชื่อมในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี หรือใช้ระบบดูดควันเฉพาะที่จึงต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันและทำงานในที่ที่มีการระบายอากาศดีด้วย ระวังการสูดดมควันที่มีสังกะสีออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดไข้ควันโลหะ
 

การตกแต่งหลังเชื่อม

 
  • เพื่อรักษาคุณสมบัติการป้องกันสนิมและการกัดกร่อนของชิ้นงาน การซ่อมแซมผิวเคลือบหลังการเชื่อมเหล็กเคลือบแผ่นสังกะสีเป็นขั้นตอนสำคัญหนึ่งที่หลังเชื่อมแล้วควรที่จะต้องทำ ขั้นแรกคือ ทำความสะอาดพื้นผิวใช้แปรงลวดขัดสนิมและเศษโลหะออกจากบริเวณรอยเชื่อม เช็ดด้วยตัวทำละลายเพื่อกำจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรก ขัดพื้นผิวเบาๆ ด้วยกระดาษทรายละเอียดเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ เป่าฝุ่นออกด้วยลมแห้งหรือเช็ดด้วยผ้าสะอาด หลักจากนั้นจึงค่อน ทาสีหรือพ่นสเปรย์ให้ทั่วบริเวณที่เชื่อม

FAQ คำถามที่มีผู้คนถามบ่อยเกี่ยวกับการเชื่อม  และการตัดเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี

 

คำถาม : การตัดเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยเครื่องตัดเลเซอร์ ได้หรือไม่?

 

คำตอบ : เครื่องตัดเลเซอร์สามารถตัดเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตัดด้วยเลเซอร์ใช้ลำแสงเลเซอร์ความหนาแน่นสูงเพื่อหลอมละลายและระเหยวัสดุ โดยมีการเติมก๊าซเสริมเพื่อช่วยในกระบวนการตัด สำหรับเหล็กชุบสังกะสี ควรใช้ก๊าซออกซิเจนหรือไนโตรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูงเพื่อให้ได้คุณภาพการตัดที่ดี โดยความบริสุทธิ์ของออกซิเจนควรมากกว่า 99.6% และไนโตรเจนควรมากกว่า 99.5% การตัดด้วยเลเซอร์ช่วยให้ได้ขอบตัดที่เรียบและแม่นยำ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชั้นเคลือบสังกะสี ทำให้เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตัดเหล็กชุบสังกะสีในงานอุตสาหกรรม

 

คำถาม : ควรใช้ค่าเคลียร์เลนซ์เท่าไรในการตัดเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี?

 

คำตอบ : ในการตัดเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ค่าเคลียร์เลนซ์ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากต่อคุณภาพของรอยตัด โดยทั่วไปแล้ว ค่าเคลียร์เลนซ์ที่แนะนำคือประมาณ 2 ถึง 10% ของความหนาของแผ่นโลหะ การใช้ค่าเคลียร์เลนซ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รอยตัดที่สมบูรณ์ ลดการเกิดรอยหยาบหรือการบิดตัวที่ขอบ และช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการตัด อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงด้วยว่าหากแผ่นโลหะมีความหนามากขึ้น ก็จำเป็นต้องใช้ค่าเคลียร์เลนซ์ที่มากขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การตัดที่ดีที่สุด

 

คำถาม : เชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ไม่ติดต้องทำอย่างไร?

 

คำตอบ : การเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ให้ติดนั้นต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เนื่องจากชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่บนผิวเหล็กจะเป็นอุปสรรคต่อการเชื่อม ขั้นตอนแรกคือต้องขัดหรือเจียรชั้นสังกะสีออกบริเวณที่จะเชื่อมให้เห็นเนื้อเหล็กด้านใน จากนั้นปรับกระแสไฟให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย และใช้ลวดเชื่อมที่เหมาะสม เช่น ลวดเชื่อมสแตนเลส หรือลวดเชื่อมทองเหลือง ระหว่างเชื่อมควรรักษาระยะอาร์คให้สั้น และเคลื่อนลวดเชื่อมช้าๆ เพื่อให้ความร้อนแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเหล็กได้ดี นอกจากนี้ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เนื่องจากไอระเหยของสังกะสีอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การฝึกฝนและทดลองเชื่อมบนชิ้นงานทดสอบก่อนจะช่วยให้เกิดความชำนาญและได้ผลงานที่มีคุณภาพ

 

คำถาม : การเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ ใช้ไฟเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?

 

คำตอบ : การเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ต้องใช้กระแสไฟที่เหมาะสมเพื่อให้ได้แนวเชื่อมที่มีคุณภาพ โดยทั่วไปสำหรับเหล็กกัลวาไนซ์หนา 1 มิลลิเมตร ควรใช้กระแสไฟประมาณ 70-90 แอมป์ อย่างไรก็ตาม ค่ากระแสไฟที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามความหนาของชิ้นงานและท่าเชื่อม จึงควรเริ่มจากกระแสไฟต่ำๆ ประมาณ 50-60 แอมป์ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนได้การหลอมละลายที่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรใช้ลวดเชื่อมที่เหมาะกับเหล็กกัลวาไนซ์ เช่น ลวดเชื่อมสแตนเลสหรือลวดเชื่อมทองเหลือง และต้องขัดชั้นสังกะสีออกบริเวณที่จะเชื่อมก่อนเสมอ เพื่อให้การเชื่อมมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

คำถาม : เหล็กกัลวาไนซ์ใช้ลวดเชื่อมแบบไหน?

 

คำตอบ : เหล็กกัลวาไนซ์ควรใช้ลวดเชื่อมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ ลวดเชื่อมประเภทนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะกับการเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ โดยสามารถเชื่อมได้ง่าย ให้แนวเชื่อมที่สวยงาม มีควันน้อย สแลคหลุดร่อนง่าย และไม่ทำให้ชิ้นงานทะลุแม้เป็นเหล็กบาง นอกจากนี้ ลวดเชื่อมกัลวาไนซ์ยังสามารถใช้เชื่อมได้ทั้งเหล็กกัลวาไนซ์และเหล็กทั่วไป ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน 

 

คำถาม : เชื่อมเหล็กกล่องบาง 1.2mm ทำอย่างไรดี เชื่อมด้วยไฟฟ้าแล้วทะลุหมดเลย?

 

คำตอบ : การเชื่อมเหล็กกล่องบาง 1.2mm สามารถทำได้โดยใช้เทคนิคการเชื่อมแบบ ARC ด้วยลวดเชื่อมขนาด 2.0 มิลลิเมตร เพื่อป้องกันการทะลุ ควรปรับระดับกระแสไฟให้อยู่ที่ประมาณ 80A และใช้เทคนิค "แต้มยก" คือเชื่อมเป็นจุดสั้นๆ แล้วยกขึ้นทันที ไม่เชื่อมค้างไว้ นอกจากนี้ ควรเอียงหัวเชื่อมทำมุมประมาณ 45 องศากับชิ้นงาน และสังเกตสีของเหล็ก หากเริ่มเป็นสีแดงมากแสดงว่าใกล้จะทะลุ ให้ยกหัวเชื่อมขึ้นทันที การใช้กระจกกรองแสงที่ไม่เข้มมากจะช่วยให้สังเกตบ่อหลอมละลายได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่ยังไม่ชำนาญ อาจพิจารณาใช้วิธีการเชื่อมแบบ MIG ซึ่งให้ความร้อนต่ำกว่าและมีการซึมลึกสูง แต่อุปกรณ์จะมีราคาแพงกว่า

 

คำถาม : หากเชื่อมแล้วมันชอบติดลวด ต้องทำอย่างไร?


คำตอบ : เหตุหลักมักเกิดจากการตั้งค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำเกินไป การเคลื่อนลวดเชื่อมช้าเกินไป หรือการถือหัวเชื่อมใกล้ชิ้นงานมากเกินไป เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ควรเพิ่มกระแสไฟฟ้าให้สูงขึ้น เคลื่อนลวดเชื่อมให้เร็วขึ้น และรักษาระยะห่างระหว่างหัวเชื่อมกับชิ้นงานให้เหมาะสม นอกจากนี้ การทำความสะอาดพื้นผิวชิ้นงานก่อนเชื่อมและการใช้ลวดเชื่อมที่มีคุณภาพดีก็สามารถช่วยลดปัญหาการติดลวดได้เช่นกัน การฝึกฝนและปรับเทคนิคการเชื่อมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เกิดความชำนาญและลดปัญหาการติดลวดได้ในที่สุด