บทความ
บทความ > แนวทางป้องกันและควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงงาน เพื่อป้องกันการกัดกร่อนในเหล็กแผ่นเคลือบ
กลับไปหน้ารายการบทความ

แนวทางป้องกันและควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงงาน เพื่อป้องกันการกัดกร่อนในเหล็กแผ่นเคลือบ

        การเก็บเหล็ก Galvanized Steel ม้วนหรือเหล็กแผ่นไว้ในคลังเพื่อรอการผลิต มักประสบปัญหาสนิมกัดกร่อน แม้จะพยายามควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างดีแล้ว ปัญหานี้ยังคงสร้างความเสียหายและเพิ่มต้นทุนการผลิตแก่โรงงาน เนื่องจากความจำเป็นในการเก็บเหล็กแผ่นไว้ทั้งสำหรับการผลิตรายวันและการสำรองวัตถุดิบ จึงเป็นที่มาให้เราเขียนบทความนี้ เพื่อเสนอวิธีปรับปรุงคลังสินค้าเพื่อลดโอกาสเกิดสนิมและการกัดกร่อน ช่วยปกป้องเหล็ก Galvanized Steel และรักษาคุณภาพของเหล็กแผ่นเคลือบของคุณ

 

การควบคุมความชื้น  

 

        การควบคุมความชื้นเป็นกลยุทธ์หลักในการป้องกันการกัดกร่อนของเหล็กแผ่นเคลือบในโรงงาน การออกแบบระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพช่วยลดการสะสมของความชื้นได้อย่างมาก โดยควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศและเครื่องปรับอากาศที่มีระบบควบคุมความชื้นในพื้นที่จัดเก็บและใช้งานเหล็ก ถ้าหากเราทำทุกอย่างแล้ว ก็ยังแก้ไขไม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอกมีความชื่นสูงมากเกินไป ในคลังเก็บเหล็ก 

 

เราสามารถดูดอากาศหมุนแวดให้ผ่านสารดูดความชื้น เช่น ซิลิกาเจล หรือแคลเซียมคลอไรด์ การจัดเก็บม้วนเหล็กควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น บริเวณใกล้ประตูหรือหน้าต่างที่เปิดสู่ภายนอก ควรจัดเก็บในพื้นที่ที่มีการควบคุมความชื้นอย่างเหมาะสม การติดตั้งเครื่องวัดความชื้นในพื้นที่จัดเก็บช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมระดับความชื้นได้อย่างต่อเนื่อง



 

การควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง   

 

        การควบคุมอุณหภูมิในคลังสินค้าให้คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียให้กับเหล็กแผ่นเคลือบของคุณในคลัง ซึ่งจำเป็นต้อง ออกแบบพื้นที่จัดเก็บที่รักษาอุณหภูมิให้คงที่ ไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่การควบแน่นของความชื้น 

 

ในประเทศไทยตอนกลาง ปัญหานี้มักไม่รุนแรงเนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนไม่มาก อย่างไรก็ตาม การสะสมความร้อนในเหล็กแผ่นที่สัมผัสแสงแดดในช่วงกลางวันอาจก่อให้เกิดปัญหาได้สำหรับคลังสินค้าที่มีหลังคาใส และมีระบบระบายอากาศที่ไม่ดี 

 

เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืน การถ่ายเทอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจเกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดการควบแน่นของความชื่นบนพื้นผิวเหล็ก จึงนั้นหากใครพบว่าในโรงงานของตัวเอง เหล็กแผ่นมีการควบแน่นเกิดขึ้น และทำให้เกิดสนิมข้าว นี้อาจจะเป็นปัจจัยดังกล่างได้



 

ป้องกันการสัมผัสกับสารเคมี  

 

        การป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีเป็นมาตรการหลักในการควบคุมการกัดกร่อนของเหล็กแผ่นเคลือบในโรงงาน โดยเริ่มจากการแยกพื้นที่จัดเก็บสารเคมีออกจากบริเวณเก็บเหล็กแผ่น และติดตั้งระบบระบายอากาศเฉพาะในพื้นที่ใช้งานสารเคมี เพื่อลดการแพร่กระจายของไอระเหย นอกจากนี้ ควรจัดเก็บสารเคมีในภาชนะที่ปิดสนิทและมีฉลากระบุชัดเจน พร้อมทั้งตรวจสอบการรั่วไหลอย่างสม่ำเสมอ 

 

การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีอย่างถูกวิธีก็มีบทบาทสำคัญ โดยควรครอบคลุมหัวข้อการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล วิธีการจัดการสารเคมีหกรั่วไหล และขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย การดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ไม่พึงประสงค์ และป้องกันการกัดกร่อนของเหล็กแผ่นเคลือบ ซึ่งการป้องกันเอาไว้ ย่อมดีกว่าแก้หลังจากที่เกิดปัญหาแล้ว



 

ควบคุมการสัมผัสกับแสงแดด 

 

        หนึ่งในวิธีที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วจดเกิดการควบแน่นของความชื้นเกิดขั้นมา และส่งผลให้เกิดสนิมขาว สนิมแดงต่างๆนาๆ ก็คือการควบคุมการสัมผัสกับแสงแดด เนื่องจาก 

 

เมื่อชิ้นงานเหล็กสะสมความร้อนในระหว่างวัน อุณหภูมิของมันจะสูงขึ้น ในช่วงกลางคืน อุณหภูมิภายนอกจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างชิ้นงานเหล็กที่ร้อนกับอากาศเย็นภายนอก 

 

เมื่ออากาศอุ่นชื้นสัมผัสกับพื้นผิวเหล็กที่เย็นลง ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำบนพื้นผิวเหล็ก เนื่องจากอากาศเย็นไม่สามารถอุ้มความชื้นได้มากเท่าอากาศอุ่น ความชื้นส่วนเกินจึงกลั่นตัวเป็นหยดน้ำการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของชิ้นส่วนโลหะ



 

ให้ระวังจุดที่จัดเก็บเหล็กแผ่นเคลือบที่หลังคามีการรั่วซึม  

 

        หลังคาคลังเก็บวัสดุหลังคาคลังเก็บสินค้ารั่วเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ที่พบได้ในคลังขนาดใหญ่ สาเหตุของหลังคาคลังรั่วคือ วัสดุหลังคาเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน การรั่วซึมบริเวณปล่องระบายอากาศ อุปกรณ์ยึด เช่น สกรู ตะปู น็อต หลังคาเสื่อมสภาพ รอยต่อระหว่างแผ่นหลังคาไม่สนิท โครงสร้างหลังคาไม่ได้มาตรฐานหรือเสียหาย จะเห็นได้ว่ามีสาเหตุมากมาย เราจะเป็นตรวจสอบและบำรุงรักษาหลังคาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นมาตรการป้องกันเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรจัดวางเหล็กแผ่นเคลือบให้ห่างจากจุดเสี่ยง และใช้วัสดุกันความชื้นคลุมป้องกันเพิ่มเติม

 

สาเหตุของหลังคาคลังสินค้ารั่ว

 
  • วัสดุหลังคาเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
  • การรั่วซึมบริเวณรางน้ำตะเข้ หรือรอยต่อของปล่องระบายอากาศ
  • อุปกรณ์ยึด เช่น สกรู ตะปู น็อต เสื่อมสภาพ
  • รอยต่อระหว่างแผ่นหลังคาไม่สนิท
  • โครงสร้างหลังคาไม่ได้มาตรฐานหรือเสียหาย
  • สันครอบหลังคาแตกร้าว
 

วิธีการแก้ไขปัญหา

 
  • ตรวจสอบและระบุจุดรั่วซึม โดยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบหน้างานเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
  • ทำความสะอาดพื้นผิวหลังคาและรางน้ำ กำจัดเศษใบไม้และสิ่งอุดตันต่างๆ
  • ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนวัสดุหลังคาที่เสียหาย

        - เปลี่ยนแผ่นหลังคาที่แตกร้าวหรือเสื่อมสภาพ

        - เปลี่ยนอุปกรณ์ยึดที่เป็นสนิมหรือหลวม

        - อุดรอยรั่วด้วยวัสดุกันซึมคุณภาพสูง เช่น เวเบอร์ซีล เทป

  • ตรวจสอบและซ่อมแซมโครงสร้างหลังคาที่เสียหาย

        - แก้ไขโครงหลังคาที่แอ่นหรือผิดรูป

        - เสริมความแข็งแรงของโครงสร้างหากจำเป็น

  • ปรับปรุงระบบระบายน้ำ

        - ติดตั้งหรือซ่อมแซมรางน้ำและท่อระบายน้ำ

        - แก้ไขความลาดเอียงของหลังคาให้เหมาะสม

  • ใช้วัสดุกันซึมคุณภาพสูงเคลือบหลังคา

        - ทาวัสดุกันซึมบริเวณรอยต่อและจุดเสี่ยง

        - พิจารณาเคลือบหลังคาทั้งหมดเพื่อป้องกันการรั่วซึมในระยะยาว

  • ตรวจสอบและบำรุงรักษาหลังคาอย่างสม่ำเสมอ 


 

ไม่ควรเก็บเหล็กกัลวาไนซ์กับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า  

    

        การเก็บเหล็กกัลวาไนซ์ร่วมกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าสามารถเร่งการเสื่อมสภาพของชั้นเคลือบสังกะสี เนื่องจากความต่างศักย์ระหว่างโลหะทำให้เกิดการไหลของอิเล็กตรอน ส่งผลให้ชั้นสังกะสีถูกกัดกร่อนเร็วขึ้น ลดประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมและอายุการใช้งานของเหล็ก การแยกเก็บเหล็กกัลวาไนซ์จากโลหะอื่นที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิผลในการป้องกันปัญหานี้ 

 

หากมีข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บ การใช้วัสดุฉนวนกั้นระหว่างโลหะต่างชนิดสามารถช่วยป้องกันการสัมผัสโดยตรงและลดความเสี่ยงในการเกิดปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเคมี การใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้เหล็กกัลวาไนซ์คงคุณสมบัติการป้องกันการกัดกร่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ



 

ใช้วิธีการป้องกันแบบแคโทดิก   

 

        การป้องกันแบบแคโทดิกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือต้องสัมผัสกับของเหลว เทคนิคนี้ทำงานโดยการทำให้โครงสร้างที่ต้องการป้องกันเป็นขั้วแคโทดในวงจรไฟฟ้าเคมี ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียอิเล็กตรอนของโลหะ อันเป็นสาเหตุหลักของการกัดกร่อน 

 

1. การใช้แอโนดสละตัว (Sacrificial Anode)

 

การใช้แอโนดสละตัวเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันแบบแคโทดิกที่นิยมใช้ วิธีนี้ใช้โลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า เช่น สังกะสี แมกนีเซียม หรืออะลูมิเนียม เชื่อมต่อกับโครงสร้างที่ต้องการป้องกัน แอโนดสละตัวจะทำหน้าที่เป็นขั้วบวกในปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีและถูกกัดกร่อนแทนโครงสร้างหลัก ทำให้โครงสร้างที่ต้องการป้องกันกลายเป็นขั้วลบและไม่ถูกกัดกร่อน วิธีนี้มีข้อดีคือไม่ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าภายนอก ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งและบำรุงรักษา แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนแอโนดเป็นระยะเมื่อถูกกัดกร่อนจนหมด

 

2. การใช้กระแสไฟฟ้าจากภายนอก (Impressed Current)

 

อีกวิธีหนึ่งในการป้องกันแบบแคโทดิกคือการใช้กระแสไฟฟ้าจากภายนอก วิธีนี้ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงจากภายนอกเพื่อสร้างกระแสป้องกัน โดยสามารถควบคุมปริมาณกระแสได้ตามต้องการ ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถปรับแต่งกระแสให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าระบบแอโนดสละตัว อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มีความซับซ้อนมากกว่าและต้องการการบำรุงรักษาที่สม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าแหล่งจ่ายไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ



 

บทสรุป

 

        เราหวังว่าเนื้อหาที่เราเขียนในเนื้อหาบทความนี้ จะมีประโยชน์แก่ผู้อ่าน ให้ผู้อ่านสามารถนำมาตรการเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการกัดกร่อน ยืดอายุการจัดเก็บในคลังของเหล็กแผ่นเคลือบได้ ซึ่งหากพบปัญหาสนิม ปัญหาการกัดกร่อนในเหล็กแผ่นในคลัง ให้ลองพิจารณาดูทีละอย่างว่าเกิดจากอะไร มีอะไรที่เรายังทำไม่ว่า บางครั้งปัญหาเหล่านั้น อาจจะสามารถแก้ไขได้ ด้วยวิธีที่เรากล่างมาข้างต้น สุดท้ายนี้หากเห็นว่าบทความที่เราเขียนมีประโยชน์ก็อย่าลืมติดตามบทความอื่นๆที่เราเขียน รับรองว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านแน่นอน